จากกรณีเพจสายไหมต้องรอดโพสคลิป จำนวน 2 คลิป คลิปแรกจะเห็นวินจยย.เบอร์3 โวยวายด่าทอกับคนขับรถซึ่งเป็นหญิง ส่วนคลิปที่สอง คนขับจยย.คนเดิม ตามไปด่าทอคนถ่ายคลิปถึงหน้าบ้าน และท้าทายอยากเจอคนที่เจ๋งที่สุด เหตุการณ์เกิดขึ้นช่วงเย็นวันศุกร์ที่ 24 พ.ย. ที่ผ่านมา
ความคืบหน้าล่าสุดเมื่อเวลา 10.30 น. นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด พร้อมน.ส.ศรัญญา เงินปาน อายุ 27 ปี น.ส.พัชรกัญภัค ภาณุพงศ์กุลนิต 31 ปี ผู้เสียหายลงพื้นที่จุดเกิดเหตุใต้สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส คปอ. พื้นที่ สน.ดอนเมือง เพื่อชี้จุดเกิกเหตุและจุดที่เป็นที่ตั้งวิน จยย.
น.ส.ศรัญญา เล่าว่า วันเกิดเหตุกำลังขับรถไปส่งพี่สาวที่สถานีรถไฟฟ้า คปอ. จังหวะทึ่จะเข้าซ้ายเพื่อจะมาที่ใต้บีทีเอส แต่มองไม่เห็นรถเขา แต่พี่สาวบอกระวังมีรถตัดหน้า มาเห็นอีกทีรถก็ถึงหน้ารถแล้ว ตอนนั้นเบรกแต่ไม่ได้ชน จากนั้นเขาก็ขับออกไปลักษณะซ้ายทีขวาทีลักษณะไม่พอใจ ตัวเองไม่ได้บีบแตรหรือทำอะไรที่แสดงออกถึงคงามไม่พอใจ
จากนั้นเราก็ขับมาทางเดียวกันเขาก็จอดที่วินที่ซึ่งอยู่ใกล้กับจุดที่ตนเองจะต้องไปลง ตัวเองยังคิดว่าเขาจะคิดว่าเราไปหาเรื่องเขาหรือเปล่า พอจอดรถเขาก็เดินมาโวยวายตามคลิป เราได้ยกมือไหว้เขาแล้วแต่ก็ไม่จบท้าทายต่างๆนาๆ ก่อนจะมีวินอีกคนมาดึงเขาออกไปพร้อมยกมือไหว้ขอโทษพี่สาว ก่อนแยกย้ายกันกลับ
ตอนนั้นคิดว่าน่าจะไม่มีอะไรแล้วแต่มาเจออีกทีตอนที่ตนเองจอกหน้าบ้านพอเขาเห็นเขาก็มาจอดโวยวาย แล้วก็เป็นตามคลิป ตอนนั้นตกใจไม่คิดว่าเขาจะเข้ามาถึงบ้านเป็นห่วงแม่และลูก หลักเกิดเหตุได้ไปแจ้งความที่สน.ดอนเมือง ซึ่งเจ้าหน้าที่ให้เบอร์มาหากเกิดเหตุอีก
ด้านนายเอกภพ เปิดเผยว่า วันนี้มาลงพื้นที่เพื่อจะมาดูจุดเกิดเหตุและตามวินที่อยู่ในคลิปแต่ไม่เจอใคร
ส่วนนี้การขับปาดหน้ากันเป็นเรื่องความผิดจราจร มันก็น่าจะจบไป แต่ที่ติดใจคือตฃหลังเกิดเหตุยังตามไปคุกคามถึงบ้านเขามีเจตนาอะไร ซ้ำยังท้าทายใครเจ๋วให้มา ตอนนี้ผมก็มาหาแล้วทำไมไม่มาโผล่หน้ามาหน่อย จะไปเก่งอะไรกับผู้หญิง 2 คน ไปไหนหมดถ้าขับวินแล้วปกครองดูแลกันไม่ได้ก็ไม่ต้องขับ ฝากไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงมาตรวจสอบเรื่องการตั้งวิน รวมถึงคนขับวินว่าได้รับอนุญาตถูกต้องหรือไม่ หลังจากนี้ก็จะพ่ผู้เสียหายเข้าแจ้งความที่วน.ดอนเมืองต่อไป
หลังจากลงพื้นที่สายไหมต้องรอด ได้เดินทางไปที่บ้านของผู้เสียหายที่อยู่ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 2 กิโลเมตร และได้พูดคุยกับ นางมนัชญา เงินปาน อายุ 59 ปี แม่ของผู้เสียหาย ระบุว่า ปกติที่บ้านมีทั้งเด็กและผู้สูงอายุซึ่งเป็นผู้หญิงทั้งหมดยอมรับว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสร้างความกังวลให้กับครอบครัวอย่างมากโดยเกิดเหตุฝั่งของวินจักรยานยนต์ที่ก่อเหตุ มีการพูดจาท้าทาย ว่า ”ให้แจ้งตำรวจได้เลย“ พร้อมกับข่มขู่ว่า “ในนี้มีคนเจ๋งบ้างหรือเปล่า ใครเจ๋งไปเรียกมาเลย” อยากให้เจ้าหน้าที่ตามตัวมาตักเตือนอย่าไปทำแบบนี้อีก
ต่อมามีรายงานข่าวระบุว่า พ.ต.อ.อดิเรก ทองแกมแก้ว ผกก.สน.ดอนเมือง พร้อมฝ่ายสืบสวนติดตามตัวหนุ่มวินรายนี้มาได้แล้วทราบชื่อนายธวัชชัย อุ่นใจเพื่อน อายุ 43 ปี จากการตรวจสอบเบื้องต้นเจ้าหน้าที่พบสารเสพติดในร่างกายของผู้ก่อเหตุ ซึ่งนายธวัชชัย ยอมรับว่า วันเกิดเหตุตัวเองกินยาบ้าไป 1 เม็ด ซึ่งตอนเกิดเหตุตัวเองไม่ได้ตั้งใจขับรถตัดหน้า แต่วันนั้นตัวเองรีบขับรถไปเข้าวิน ก็เลยตัดสินใจขับรถปีนเกาะกลางถนน อีกทั้งตัวเองไม่ได้ตามไปที่บ้านของผู้เสียหาย แต่ตอนนั้นเป็นจังหวะที่ไปส่งผู้โดยสารที่ท้ายซอยนั้นพอดี แล้วผู้เสียหายมายืนดัก
และยอมรับว่าตัวเองไม่ได้ขึ้นทะเบียนขับวินมอเตอร์ไซค์กับกรมการขนส่งทางบก แต่ไปเช่าเสื้อวินมาในราคาวันละ 50 บาท และรถยังเป็นป้ายทะเบียนขาวอยู่ยังไม่ได้เป็นป้ายเหลืองด้วย
จากนั้นทั้ง 2 ฝ่าย ได้พบกันนายธวัชชัย ได้ยกมือไหว้ขอโทษทางฝั่งของผู้เสียหาย ซึ่งตอนนั้นสีหน้าเธอยังมีความกังวลและหวาดกลัวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่ ในส่วนทางคดี ทางพ.ต.อ.อดิเรก ทองแกมแก้ว ผกก.สน.ดอนเมืองระบุว่า เรื่องที่ตรวจพบสารเสพติดในร่างกายของนายธวัชชัย ตำรวจต้องดำเนินคดีอยู่แล้ว ส่วนในคลิปที่มีการใช้คำพูดข่มขู่ ก็จะดำเนินคดีในข้อหาทำให้ตกใจกลัวโดยการขู่เข็ญ นอกจากนี้ตำรวจยังต้อง ตรวจสอบรถจักรยานยนตร์ของนายธวัชชัย รวมทั้งการมาขับรถจักรยานยนต์
รับจ้างกับสำนักงานเขตดอนเมืองด้วย ว่ามีการขอขับถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่หากพบว่ามีการกระทำความผิดก็จะดำเนินคดีต่อไป
อย่างไรก็ตามมีรายงานข่าวว่าทางเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหาทำให้ตกใจกลัวโดยการขู่เข็ญ เสพยาเสพติดฝห้โทษประเภท 1 ( ยาบ้า ) และหากพบการกระทำผิดเกี่ยวกับพรบ.จราจร ก็จะแจ้งข้อหาเพิ่มต่อไป