วันที่ 26 พฤศจิกายน นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง มีกำหนดการเดินทางลงพื้นที่ชายแดนไทย-มาเลเซีย ที่ด่านสะเดา จังหวัดสงขลา ในวันที่ 27 พฤศจิกายน เพื่อสำรวจความคืบหน้าการพัฒนาพื้นที่ชายแดนไทย-มาเลเซีย และมีกำหนดการหารือทวิภาคีกับดาโตะ เซอรี อันวาร์ อิบราฮิม (Dato’ Seri Anwar Ibrahim) นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย เพื่อผลักดันในประเด็นที่ผู้นำทั้งสองฝ่ายได้หารือกันไว้

โดยนายกฯจะออกเดินทางเวลา 08.30 น. จากกรุงเทพฯ ไปอำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา และไปถึงด่านสะเดาแห่งใหม่ เวลา 11.00 น. เพื่อให้การต้อนรับนายกฯ มาเลเซีย พร้อมหารือทวิภาคี และรับฟังความคืบหน้าการพัฒนาพื้นที่ชายแดนไทย-มาเลเซีย และสถานการณ์การค้าและการท่องเที่ยวบริเวณชายแดนของทั้งสองประเทศ นอกจากนี้ ผู้นำไทย-มาเลเซีย จะร่วมกันสำรวจเส้นทางเชื่อมด่านสะเดาแห่งใหม่กับด่านบูกิตกายูฮิตัมของมาเลเซีย หลังจากนั้น นายกรัฐมนตรีจะเป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารกลางวันแก่นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ที่โรงแรม Vista

นายชัย กล่าวว่า การเดินทางลงพื้นที่ชายแดนไทย-มาเลเซีย สืบเนื่องมาจากการเยือนมาเลเซียอย่างเป็นทางการของนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 11 ตุลาคมที่ผ่านมา โดยผู้นำไทยและมาเลเซีย เห็นพ้องในการผลักดันการค้าชายแดน การแก้ปัญหาความแออัดของด่านสะเดา รวมถึงการก่อสร้างเส้นทางเชื่อมด่านสะเดาแห่งใหม่กับด่านบูกิตกายูฮิตัมของมาเลเซีย และประเด็นความร่วมมืออื่น ให้มีผลคืบหน้าอย่างเป็นรูปธรรมยิ่งขึ้น

นายชัย กล่าวว่า ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะกระชับความร่วมมือในทุกด้าน โดยเฉพาะการค้าการลงทุน และความสัมพันธ์ระดับประชาชน ซึ่งมาเลเซียเป็นคู่ค้าลำดับที่ 4 ของไทย และเป็นคู่ค้าใหญ่ที่สุดของไทยในอาเซียน โดยตั้งเป้าจะเพิ่มมูลค่าการค้าให้บรรลุเป้าหมายที่ 30,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายในปี 2568 โดยการค้าระหว่างกันส่วนใหญ่เป็นการค้าชายแดนและผ่านแดน โดยการค้าชายแดนไทย – มาเลเซีย ในปี 2565 มีมูลค่า 336,125 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 31.76 ของมูลค่าการค้าชายแดนของไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน โดยส่วนใหญ่ผ่านด่านศุลกากรสะเดา ปาดังเบซาร์ เบตงและสุไหงโก-ลก ตามลำดับ

นอกจากนี้ ในปี 2565 มีนักท่องเที่ยวมาเลเซียมาเยือนไทยมากเป็นอันดับที่ 1 ทั้งปีมากกว่า 2.9 ล้านคน คิดเป็นลำดับ 1 ของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมด ทำให้มาเลเซียนับเป็นประเทศเพื่อนบ้านที่สำคัญและมีความสัมพันธ์หลากหลายมิติกับไทย

“การพบหารือของนายกฯและมาเลเซีย สะท้อนความตกลงร่วมกันของรัฐบาลทั้งสองในการให้ความสำคัญกับการพัฒนาพื้นที่ชายแดนไทยและมาเลเซีย เพื่ออำนวยความสะดวก เพิ่มความเชื่อมโยงในการเดินทาง รวมถึงการค้าขายบริเวณชายแดนระหว่างกันให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลเพื่อประโยชน์โดยตรงของประชาชนไทยและมาเลเซีย ทั้งการค้า ลงทุน การท่องเที่ยว ด้านเศรษฐกิจ และทางด้านสังคม การไปมาหาสู่ระหว่างกัน” นายชัย กล่าว