โคราช ควันหลงกระทงลิขสิทธิ์ตามหลอน ! แม่เหยื่อเยาวชน 15 ปี ถูกแก็งอ้างลิขสิทธิ์ลายการ์ตูนรีดเงิน ถูกฟ้องกลับฐานเบิกความเท็จ ร้องสภาทนายความช่วยเหลือ

กรณี “น้องอุ้ม ” นามสมมติ เยาวชนหญิงอายุ 15 ปี นักศึกษาวิทยาลัยอาชีวศึกษาแห่งหนึ่งในจังหวัดนครราชสีมา ถูกนายประจักษ์ นายภูมิภากร หรือ นัน กิ่งเพชร และนางสาววนิสา ลูกสาวของนายนัน ร่วมกันออกกลอุบายล่อเหยื่อซื้อกระทงที่มีลวดลายตัวการ์ตูนชื่อดัง โดยอ้างเป็นตัวแทนของบริษัท  ซึ่งเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ตัวการ์ตูนดังกล่าวจำนวน 25 แบบ  เมื่อถึงเวลานัดรับสินค้าบริเวณลานอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี (ย่าโม) นครราชสีมา ได้จับกุม “น้องอุ้ม” ผู้ประดิษฐ์กระทงและเรียกรับเงิน 5 หมื่นบาท แลกกับการปล่อยตัว สุดท้ายผู้ปกครองเจราจายอมจ่ายเงินให้จำนวน 5,000 บาท ต่อมาน้องอุ้ม พร้อมครอบครัวในฐานะเป็นผู้เสียหายได้แจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษนายประจักษ์ พร้อมพวกฐานความผิดกรรโชกทรัพย์ ใช้เอกสารปลอม แจ้งความเท็จและกักขังหน่วงเหนี่ยวและมีผู้เสียหายกว่า 50 ราย ทยอยเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับกลุ่มตัวแทนบริษัทลิขสิทธิ์ โดยมีพฤติการณ์ในลักษณะเดียวกันพร้อมเรียกรับเงิน 2-5 หมื่นบ้างและบางรายสูงถึง 1 แสนบาท จนเป็นคดีโด่งดัง เหตุเกิดช่วงเดือนพฤศจิกายนปี 2562 ที่ผ่านมา

 

เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน ที่สำนักงานสภาทนายความจังหวัดนครราชสีมา นายธวัชชัย อายุ 35 ปี พร้อมนางกันยาวดี ซึ่งเป็นพ่อแม่ “น้องอุ้ม” ได้เดินทางมาขอความช่วยเหลือด้านกฎหมายกับนายพรเทพ เจริญพงศ์อนันต์ ประธานสภาทนายความ กรณี น.ส วนิสา ลูกสาวนายนัน หนึ่งในคู่กรณีดำเนินการฟ้องนางกันยาวดี ข้อหาเบิกความเท็จในชั้นศาลโดยอ้างไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆกับคดี

นางกันยาวดี อายุ 35 ปี เปิดเผยว่า คิดว่าเรื่องราวนี้จะจบลงด้วยดีตามกระบวนการกฎหมาย ขอยืนยันข้อมูลและข้อเท็จจริงต่างๆให้กับเจ้าหน้าที่ในฐานะผู้เสียหาย ล้วนเป็นความจริงไม่มีความประสงค์และเจตนาใส่ร้ายผู้ใด แม้นกระทั่งเจอหน้ากันที่ศาล จังหวัดนครราชสีมา ครอบครัวไม่คิดเครียดแค้นแต่อย่างใด ทำให้เกิดข้อสงสัยเหตุใดคู่กรณีสามารถฟ้องดำเนินคดีกลับคืนได้ฃ  นายธวัชชัย กล่าวว่า ที่ผ่านมาได้ขอความช่วยเหลือจากหน่วยงานยุติธรรมในพื้นที่ ซึ่งให้เหตุผล “ไม่เข้าหลักเกณฑ์ในการช่วยเหลือ” ตนและครอบครัวต้องดำเนินการต่อสู้คดีและเสียเงินค่าใช้จ่ายกันเอง ครอบครัวค้าขายไม่ได้มีฐานะร่ำรวย มีความวิตกกังวลอย่างยิ่ง ขอขอบคุณสภาทนายความจังหวัดนครราชสีมาได้ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ อย่างไรก็ตามขอให้ศาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ความเป็นธรรม เนื่องจากครอบครัวของตนและคู่กรณีไม่มีความแค้นโกรธเคืองกันมาก่อน

นายพรเทพ ฯ ประธานสภาทนายความจังหวัดนครราชสีมา กล่าวว่า ความคืบหน้าศาลจังหวัดนคราชสีมา ได้อ่านคำพิพากษาลงโทษจำเลย 3 ข้อหา คือใช้เอกสารปลอมในเรื่องของหนังสือมอบอำนาจ,แจ้งความเท็จและกรรโชกทรัพย์ โดยสั่งให้จำคุกจำเลยที่ 1 คือนายประจักษ์ เป็นเวลา 2 ปี 6 เดือน และจำเลยที่ 2 นายภูมิภากร จำคุก 3 ปี โดยไม่รอลงอาญา ส่วนจำเลยที่ 3 คือ น.ส.วนิสา ลูกสาวของนายนัน ศาลได้ยกฟ้องเนื่องจากพิจารณาแล้วเห็นว่าไม่มีส่วนร่วมในการกระทำความผิดดังกล่าว ล่าสุดศาลฎีกา ยกฟ้อง นายภูมิภากร หรือนายนัน และนางสาววนิสา ลูกสาว

ทั้งนี้ได้รายงานกับ ดร.สมพร ดำพริก อุปนายกฝ่ายช่วยเหลือประชาชนด้านกฎหมาย สภาทนายความในพระราชูปถัมภ์ ช่วยเหลือให้ความเป็นธรรมกับประชาชนที่เดือดร้อนและแต่งตั้งนายผดุงศักดิ์ จันเดชชนะวงศ์ กรรมการสภาทนายความ จ.นครราชสีมา เป็นทนายความจำเลย เบื้องต้นได้ดำเนินการเข้า “ซักค้าน”พยานโจทก์ตามสิทธิ เมื่อวัน 16 ตุลาคม ที่ผ่านมา ขอให้ครอบครัวข้อง ด.ญ.15 ปี คลายความวิตกกังวลพร้อมเราจะอยู่เคียงข้างคอยช่วยเหลือปกป้องสิทธิของประชาชนผู้ได้รับความเดือดอย่างเต็มที่โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ตามนโยบาย ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความในพระบรมราชูปถัมภ์