วันที่ 25 พ.ย.66 ผู้สื่อข่ายรายงานว่า ได้มีเกษตรกรผู้เลี้ยงวัวนมและสมาชิกสหกรณ์โคนมหนองโพ ราชบุรี จำกัด กว่า 100 คน เดินถือป้ายที่มีข้อความ “สหกรณ์เป็นของสมาชิก ไม่ใช่บริษัทจำกัด ไม่ฟังเสียง ปิดหู ปิดตา สมาชิก ใครเป็นเจ้าของกันแน่ ปันผลก็ไม่มี  โบนัสพนักงานก็ไม่มี  สมาชิกต้องขายขี้วัว ขายวัวกินกันแล้ว ถอนหุ้นกันจำนวนมาก เลิกเลี้ยงวัวกันไปหลายราย รายได้ไม่พอรายจ่าย เวลาหาเสียงบอกกำไร 54 ล้าน มีปันผลแน่ๆ หลอกกันชัดชัด ไหนละปันผล“  มาประท้วงที่หน้าสหกรณ์โคนมหนองโพ เพื่อให้นายกล้าหาญ แก้วจีน ประธานสหกรณ์โคนมหนองโพ ราชบุรี จำกัด ได้ทำการจัดประชุมวิสามัญ เพื่อแต่งตั้งคณะกรรมการที่ลาออกไป 7 คน จากทั้งหมด 15 คน และเปิดโอกาสให้สมาชิกได้มีการซักถามถึงข้อสงสัยเรื่องของการบริหารงานที่ผิดพลาด

โดยอ้างว่า สมาชิก ได้รับทราว่า สหกรณ์ฯ ขาดทุนในปี 2565 จำนวน 17 ล้านบาท และปี 2566 ขาดทุน 77 ล้านบาท ทำให้สมาชิกไม่ได้รับเงินปันผลและไม่สามารถที่จะถอนหุ้นคืนได้ นอกจากนี้ยังมีข้อเรียกร้องอื่นๆ เช่นกรณี จัดซื้อเครื่องจักรทีเลิกใช้งานแล้วแพงเกินความจริง เปิดตลาดในประเทศกัมพูชาใครได้ประโยชน์และการติดตั้งแผงโซล่าเซลล์เพื่อประหยัดไฟแต่ยังไม่แล้วเสร็จสักที

ซึ่งหนังสือข้อเรียกร้องดังกล่าวนั้น นายสุบิน ป้อมโอชา อดีตประธานสหกรณ์โคนมหนองโพราชบุรี จำกัด ซึ่งเป็นตัวแทนเกษตรกรที่เลี้ยงวัวนมเป็นผู้ยื่นให้กับนายกล้าหาญ แก้วจีน ประธานสหกรณ์โคนมหนองโพ ราชบุรี จำกัด คนปัจจุบันที่มารับหนังสือดังกล่าวด้วยตนเอง  โดยมี พ.ต.อ.ชัชชน  นราวุฒิพร  ผกก.สภ.โพธาราม นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจมาดูแลความสงบเรียบร้อย  

หลังจากนั้นเกษตรกรที่เดินทางมาในวันนี้ ได้มีการสอบถามข้อสงสัยต่างๆกับนายกล้าหาญ แต่ก็ได้รับคำตอบว่า จะชี้แจงเป็นลายลักษณ์อักษรตามข้อเรียกร้องของสมาชิกสหกรณ์ทั้งหมด เนื่องจากมีลายละเอียดที่ต้องใช้เอกสารประกอบรวมทั้งในบางข้อที่สอบถามมาก็ไม่ใช่ความจริงด้วย 

นอกจากนี้ผู้สื่อข่าวได้สอบถามนายสุบิน ป้อมโอชา อดีตประธานสหกรณ์โคนมหนองโพ ราชบุรี จำกัด กล่าวว่า วันนี้ได้มาขอให้ประธานและคณะกรรมการที่หมดวาระลงได้เปิดประชุมใหญ่วิสามัญโดยเร็ว เพราะกรรมการที่เหลือพียง 7 คน จากทั้งหมด 15 คน ถือว่าไม่ครบองค์ประชุม จึงต้องมีการเลือกตั้งใหม่  เนื่องจากมีการบริหารงานที่ผิดพลาดเหมือนการติดกระดุมเม็ดแรกผิด เม็ดต่อไปก็จะผิดไปตลอด ซึ่งสหกรณ์ไม่เคยมีเหตุการณ์แบบนี้  และทางสมาชิกได้ยื่นหนังสือขอให้มีการประชุมวิสามัญภายใน 30 วัน นับตั้งแต่วันที่ 27 ต.ค.ที่ผ่านมา

ด้านนายกล้าหาญ แก้วจีน ประธานสหกรณ์โคนมหนองโพ ราชบุรี จำกัด เปิดเผยว่าสหกรณ์โคนมหนองโพราชบุรี จำกัด (ในพระบรมราชูปถัมภ์) มีฐานะเป็นนิติบุคคลตามมาตรา 37 แห่งพระราชบัญญัติสหกรณ์ พ.ศ. 2542 ซึ่งอธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ มีอำนาจกำกับดูแลตามพระราชบัญญัติสหกรณ์ พ.ศ. 2542 เท่านั้น อันมิใช่อยู่ภายใต้การควบคุมของกรมส่งเสริมสหกรณ์ โดยอำนาจกำกับดูแล เป็นอำนาจที่ไม่ใช่เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างผู้บังคับบัญชากับผู้อยู่ใต้บังคับบัญชาภายในนิติบุคคลเดียวกัน แต่เป็นความสัมพันธ์ระหว่างองค์กรกำกับดูแลและองค์กรที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแล จึงเป็นอำนาจที่มีเงื่อนไขคือจะใช้ได้ก็ต่อเมื่อมีกฎหมายให้อำนาจและต้องเป็นไปตามรูปแบบที่กฎหมายกำหนด

เรื่องที่เกษตรกรไม่ได้รับเงินปันผลเนื่องจาก ทางรัฐบาลประกาศขึ้นราคาน้ำนมดิบ  ทางเราก็ขึ้นให้โดยใช้เงินของสหกรณ์  ทำให้ต้นทุนนั้นสูงขึ้นและทำให้เกิดการขาดทุน   ส่วนเรื่องของเครื่องจักรนั้นเราซื้อฟลิ์มที่บรรจุในกล่องนม ทำให้ได้เครื่องจักรมาซึ่งซื้อฟลิ์มมาเท่าไหร่ก็หักเงินไปเหลือเท่าไหร่ก็ค่อยจ่าย  ซึ่งเหมือนการซื้อฟลิ์มแต่ได้เครื่องจักรแถมมา  และคณะกรรมการก็รับทราบแล้วทุกคนเพราะในที่ประชุมมีการยกมือให้ผ่าน  ส่วนการไปทำตลาดที่ต่างประเทศนั้น สหกรณ์โคนมหนองโพ นั้นอยู่ในโครงการของรัฐบาล ซึ่งเป็นการค้าระหว่างประเทศ  จึงได้ขยายตาดออกไปต่างประเทศ  ซึ่งในช่วงแรกก็ต้องมีการลงทุนก่อนโดยเป็นค่าโฆษณา ส่วนเรื่องเงินทอนนั้นไม่ทราบว่ามีการคืนเงินกลับมาให้ใคร ซึ่งผลประโยชน์นั้นก็จะตกอยู่กับสหกรณ์และสมาชิกหากมีการขยายตลาดออกไปได้อีก 

ในส่วนเรื่องที่สมาชิกสหกรณ์ฯ มีข้อสงสัยในการบริหารจัดการอีกหลายเรื่องที่ส่อไปในทางที่ไม่โปร่งใสนั้น กรมส่งเสริมสหกรณ์ ได้ส่งคณะผู้ตรวจการเขต มาตรวจสอบแล้ว ไม่พบการทุจริตแต่อย่างใด และในเรื่องนี้ ทางสหกรณ์ ได้ประสานสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟองเงิน (ป.ป.ง.) และกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดี.เอส.ไอ.) ให้เข้าตรวจสอบการทุจริตภายในสหกรณ์ฯ ซึ่งเบื้องต้นหน่วยงานทั้งสองได้ตกลงด้วยวาจาที่จะเข้าตรวจสอบแล้ว การตรวจสอบเช่นนั้นจะทำให้กลุ่มบุคคลที่เสียผลประโยชน์ เกิดความกลัวในการกระทำทุจริตที่ผ่านมา จึงก่อความวุ่นวายให้เกิดขึ้น เพื่อมิให้มีการตรวจสอบ