‘นายกฯ’ สั่งจัดการเด็ดขาด ‘ซิมม้า-บัญชีม้า-เว็บพนันออนไลน์’ ‘รมว.ดีอี’ ลุยเดินหน้า 4 มาตรการปราบอาชญากรรมออนไลน์ เร่งประสาน กสทช. ออกประกาศ ถือครองซิมการ์ด 5 หมายเลข ต้องลงทะเบียนภายใน 30 วัน
นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เปิดเผยว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้มีข้อสั่งการมาที่กระทรวงดีอี และ สตช. ให้จัดการเรื่องซิมม้า และปราบโจรออนไลน์เด็ดขาด ตนในฐานะประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี จึงได้เชิญคณะกรรมการ ประชุมเพื่อหารือ และสรุปมาตรการเร่งดำเนินการการ ใน 4 เรื่องสำคัญ
นายประเสริฐ กล่าวว่า ในเรื่องแรกคือ กรณีการออกประกาศเพื่อให้ผู้ครอบครองหมายเลขโทรศัพท์มือถือหรือซิมการ์ด ตั้งแต่ 5 เลขหมายขึ้นไป ลงทะเบียนแจ้งการครอบครองกับผู้ให้บริการเพื่อแก้ไขปัญหาเรื่องการนำซิมการ์ดไปใช้ก่ออาชญากรรมออนไลน์ต่างๆ ซึ่งขณะนี้ขั้นตอนการออกประกาศอยุ่ระหว่างการดำเนินการของคณะกรรมการ กสทช. โดยที่ประชุมมีความเห็นว่า ควรดำเนินการเรื่องนี้โดยด่วน และให้มีผลให้ต้องลงทะเบียน ภายในไม่เกิน 30 วันนับแต่การออกประกาศ โดยข้อมูล ณ วันที่ 30 กันยายน 2566 มีผู้ครอบครองเลขหมายโทรศัพท์มือถือหรือซิมการ์ดตั้งแต่ 6-100 เลขหมาย จำนวนมากถึง 286,148 ราย และมีผู้ครอบครองเลขหมายโทรศัพท์มือถือหรือซิมการ์ดตั้งแต่ 101 เลขหมายขึ้นไปถึง 7,664 ราย
นายประเสริฐ กล่าวว่า ในเรื่องที่สองเกี่ยวกับผลการดำเนินงานของศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ (Anti Online Scam Operation Center : AOC) หรือ ศูนย์ AOC 1441 (สายด่วน 24 ชม.) วันที่ 1 – 23 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ประชาชนโทรเข้ามา 62,306 สาย สามารถระงับบัญชีธนาคารได้ถึง 5,329 บัญชี มีการจับกุมที่เกี่ยวข้อง จำนวน 389 ราย และมีคดีใหญ่แก๊ง call center ที่มีเงินหมุนเวียน 7,000 ล้านบาทด้วย ซึ่งผลดำเนินงานที่ผ่านมาโดยรวมเป็นที่น่าพอใจ AOC สามารถช่วยเหลือประชาชนได้เป็นจำนวนมาก และสามารถอายัดบัญชี ได้เฉลี่ยเวลา 15 นาที
นายประเสริฐ กล่าวว่า ที่ผ่านมากระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ประสานงานกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) มาโดยตลอด ในการเร่งดำเนินการขยายผลการจับกุม และทลายเครือข่ายบัญชีม้า/ซิมม้า โดยสืบสวนสอบสวนในเชิงลึกถึงบัญชีในขั้นตอนต่างๆ พร้อมร่วมกับสมาคมธนาคารไทยและธนาคารพาณิชย์ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด เพื่อเร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาให้ประชาชนและสร้างความมั่นใจในการดำเนินธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ให้ได้มากที่สุด อย่างไรก็ตามก็ต้องแจ้งเตือนไปยังพี่น้องประชาชนขอให้เพิ่มความระมัดระวังในการทำธุรกรรมออนไลน์และขอความร่วมมือไปยังภาคธนาคารให้ดำเนินการอายัดรายชื่อบัญชีม้าทั้งหมดพร้อมทั้งเพิ่มกระบวนการในการตรวจสอบการเปิดบัญชีใหม่ของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ด้วย
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดีอี กล่าวว่า ในเรื่องที่สาม ในด้านสถิติการปิดกั้นเว็บไซต์ หรือ เพจ ผิดกฎหมายโดยรวม ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม – 22 พฤศจิกายน 2566 สูงถึง 16,359 เว็บไซต์ เฉลี่ย 309 เว็บต่อวัน เพิ่มขึ้น 6 เท่า เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ปิดได้เฉลี่ย 55 เว็บต่อวัน
สำหรับการปิดกั้นเว็บพนันออนไลน์ ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม – 22 พฤศจิกายน 2566 ปิดได้ สูงถึง 3,120 เว็บไซต์ เฉลี่ย 66 เว็บต่อวัน เพิ่มขึ้น 12 เท่าเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ปิดได้เฉลี่ย 5 เว็บต่อวัน
นายประเสริฐ กล่าวต่อว่า ในเรื่องที่สี่ คือที่ประชุมได้พิจารณาเห็นชอบแผนบูรณาการประชาสัมพันธ์ภัยอาชญากรรมออนไลน์ ซึ่งมี 3 เป้าหมาย ประกอบด้วย 1. ประชาชนทุกคนมีความตระหนักรู้เกี่ยวกับภัยออนไลน์ และลดพฤติกรรมเสี่ยง รวมถึงรู้วิธีการป้องกัน และการแก้ไขปัญหา 2. ประชาชนมีเครื่องมือตรวจสอบข้อเท็จจริงในการป้องกันภัยออนไลน์ 3. หน่วยงานมีความร่วมมือ และแบ่งปันทรัพยากรในการป้องกันภัยออนไลน์
“กระทรวงดีอี มีความมุ่งมั่นที่จะลดปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ เรามีความร่วมมือกับทั้งภาครัฐและเอกชนในการป้องกันและปราบปรามอย่างเต็มที่ รวมถึงมีการรณรงค์ สร้างการตระหนักรู้เท่าทันภัยทางออนไลน์ รวมทั้งการสร้างเครื่องมือให้ประชาชนตรวจสอบข้อมูล ข้อเท็จจริง (National Fact Checking)” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมกล่าว