จากกรณี ร.ต.อ.ชลธี เสาสิริ รอง สว.(สอบสวน) สภ.ศรีวิไล รับแจ้งเหตุพบศพลอยน้ำที่ใต้สะพานลำห้วยทราย  ก่อนเข้าหมู่บ้านห้วยลึก หมู่ 3 ต.ชุมพร อ.ศรีวิไล จ.บึงกาฬ เพียง 300 เมตร จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ รุดไปตรวจที่เกิดเหตุพร้อมด้วย พ.ต.อ.กุศล ป้องบุญจันทร์ รอง ผบก.ภ.จว.บึงกาฬ  พ.ต.อ.ชัยยุทธ ธรรมสุนา รอง ผบกฯ รรท.ผกก.สภ.ศรีวิไล พ.ต.อ.จรูญศักดิ์ ลำพุทธา ผกก.สส.ภ.จว.บึงกาฬ พ.ต.ท.เนื่องฤทธิ์ ตาตะมิ รอง ผกก.(สอบสวน) พ.ต.ท.มนูญศักดิ์  จันทร์วิเศษ สว.สส.ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน แพทย์เวร รพ.ศรีวิไล และหน่วยกู้ภัยสว่างศรีวิไลฯ ที่เกิดเหตุพบศพลอยน้ำที่เป็นเพศชาย สภาพศพส่วนบนศีรษะลอยขึ้นเหนือน้ำเล็กน้อย ส่วนท่อนล่างจมน้ำลักษณะท่ายืน โดยมีถุงพลาสติกสีฟ้าคลุมที่ศีรษะ จึงนำศพขึ้นมาจากน้ำถอดถุงสีฟ้าออกจากศีรษะ ซึ่งถูกมัดแน่นพันลำคอด้วยตอกมัดรวงข้าวและเชือกอีกรอบ เมื่อแก้เชือกออกพบบาดแผลฉกรรจ์ถูกของมีคมที่ใบหน้า กลางศีรษะ และใต้คางด้านขวา ผู้ตายสวมกางเกงยีนส์ขายาวสีดำ และเสื้อคลุมแขนยาวลายสีน้ำตาล สวมทับเสื้อยึดด้านใน สกรีนที่หน้าอกด้านขวาเบอร์” 19 “ด้านซ้ายเป็น “NONGNAKHAM UNITED” และด้านหลังสกรีน “น้ำดื่ม บูญญาณี 19 มีลายสักยันต์และเสือนอนบนแผ่นหลัง สอบถามชาวบ้านอ้างว่าไม่รู้จักผู้ตาย และไม่มีญาติแจ้งหาย ที่ขอบสะพานบนถนนพบคราบเลือดจำนวนมากติดอยู่ จึงเก็บเก็บไว้เป็นหลักฐาน คาดว่าน่าจะถูกฆาตกรรม เมื่อไม่มีญาติมายืนยันกู้ภัยสว่างศรีวิไลพิมพ์ลายนิ้วมือผู้เสียชีวิต พร้อมนำร่างไปชันสูตรที่นิติเวช โรงพยาบาลศรีนครินทร์ จังหวัดขอนแก่นต่อไป เหตุเกิดเมื่อสายวันที่ 23 พ.ย.ผ่านมา


จากนั้นตำรวจชุดสืบสวน จึงได้สืบจากเสื้อยึดที่สกรีนคำว่า“NONGNAKHAM UNITED” ซึ่งเป็นทีมฟุตบอลอยู่ในจังหวัดขอนแก่น หลังจากได้เบอร์โทรศัพท์ของผู้จัดการทีมจึงได้สอบถามไปว่าเสื้อยึดเบอร์ 19 ได้มอบให้ใครมา และผู้ที่ถูกมอบต่อมาก็คือ นายเสริมพงษ์ หรือเอ็ก อายุ 39 ปี อยู่บ้านเลขที่ 116 ม.4 ต.ชุมภูพร อ.ศรีวิไล จ.บึงกาฬ ซึ่งเป็นลูกเลี้ยงของ นายอ่อนสี หรือแหล่ อายุ 59 ปี และพักอาศัยอยู่ในบ้านหลังเดียวกัน และในเวลาดึกคืนวันที่ 22 พ.ย.ต่อถึงวันที่ 23 พ.ย.ตนได้จ้างรถมานวดข้าวในนามีญาติๆ มาช่วยยกมัดข้าวขึ้นรถนวดและยกกระสอบข้าวเปลือกไปกองรวมกันไว้  คือมีนายศิริศัก หรืออ๊อด อายุ 50 ปี อยู่บ้านเลขที่ 51 หมู่ที่ 4 ต.ชุมภูพร กับนายเอกลักษณ์ หรือโอ๋ อายุ 37 ปี อยู่บ้านเลขที่ 267 หมู่ที่ 10 ต.ชุมภูพร จนแล้วเสร็จ หลังจากรถนวดข้าวเสร็จกลับบ้านไป พวกตน 3 คนก็ดื่มเหล้ากันต่อ โดยมีนายเสริมพงษ์  หรือเอ็ก ลูกเลี้ยงเดินเข้ามาสมทบ ซึ่งขณะนั้นตนเองก็เมาหนักแล้วแทบจำอะไรไม่ได้ ได้ยินเสียงทะเลาะกันอยู่ แต่ไม่รู้ใครเป็นใคร และก็พึ่งมาทราบจากตำรวจมาแจ้งว่านายเสริมพงษ์ ถูกฆาตกรรม ซึ่งต่อมาพนักงานสอบสวนได้ออกหมายจับนายศิริศัก หรืออ๊อด อายุ 50 ปีและนายเอกลักษณ์ หรือโอ๋ อายุ 37 ปี ในข้อหา “ร่วมกันฆ่าผู้อื่นตายโดยเจตนา”  และหลังตามจับกุมตัวมาได้ทั้ง 2 คนก็ได้ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา


และในสายวันนี้ พล.ต.ต.วิญญู อำนวยสมบัติ ผบก.ภ.จว.บึงกาฬ พ.ต.อ.ชัยยุทธ ธรรมสุนา รอง ผบกฯ รรท.ผกก.สภ.ศรีวิไล พ.ต.ท.เนื่องฤทธิ์ ตาตะมิ รอง ผกก.(สอบสวน) พ.ต.ท.มนูญศักดิ์  จันทร์วิเศษ สว.สส.ตามชุดสายสืบและสายตรวจ ได้นำตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 คน คือนายศิริศัก หรืออ๊อด อายุ 50 ปีและนายเอกลักษณ์ หรือโอ๋ อายุ 37 ปี ในข้อหา “ร่วมกันฆ่าผู้อื่นตายโดยเจตนา” ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ในเถียงนาห่างจากหมู่บ้านประมาณ 5 กิโลเมตร โดยนายศิริศัก หรืออ๊อด ให้การว่า หลังจากนวดข้าวเสร็จนั่งกินเหล้ากับนายเอกลักษณ์ หรือโอ๋ หลานชายกัน 2 คน ส่วนนายแหล้เจ้าของนาเมาและหลับไปแล้ว อยู่ๆ นายเสริมพงษ์ ก็เดินเข้ามาท่าทางคงจะเมา และเตะเอากระติ๊กน้ำแข็งล้ม ตนจึงต่อว่าไปว่าไม่ช่วยทำงานยังมาก่อกวนอีก ผู้ตายไม่พอใจเดินปรี่จะเข้ามาทำร้ายตน แต่โอ๋หลานชาย ซึงอยู่ใกล้กว่าจึงถีบไป 1 ทีจนล้มหงายท้อง กำลังโงเงจะลุกขึ้นมาสู้อีก ตนจึงคว้าเอาท่อนไม้ไผ่ฟาดเข้าใบหน้า ลำคอ 3 ที ล้มลงไปกองกับพื้น ด้วยความโมโหยังไม่หายดี จึงคว้าเอาจอบที่วางอยู่ใกล้ๆ ตีเข้าไปใบหน้าและศีรษะ 2 ทีจนแน่นิ่งไป คิดว่าตายแล้วเห็นเลือดไหลออกมาก จึงบอกโอ๋หลานชายเอาถุงพลาสติกสีฟ้ามาคลุมหัวเอาไว้ไม่ให้เห็นเลือดไหล แต่เลือดยังทะลักไม่หยุด จึงเอาถุงปุ๋ยมาคลุมซ้ำ ใช้เชือกไนลอนมัดแน่น คิดว่าจะฝังศพไว้แถวๆ ที่นา แต่กลัวญาติรู้และกลัวผี จึงช่วยกันหามขึ้นรถพ่วงข้างของนายโอ๋หลานชายไปทิ้งสะพานลำห้วยทราย บนถนนสาย 222 ก่อนเข้าหมู่บ้านเพียง 300 เมตร อำพราง ถ้าหากคนมาเจอศพก็ให้เข้าใจว่ามาจากเที่ยวงานที่อื่นถูกคู่อริทำร้ายจนตายนำศพมาทิ้งน้ำ เพราะผู้ตายมีศรัตรูมาก เมาทั้งเหล้ากินทั้งยาบ้า จนญาติๆ ไม่อยากเข้าใกล้ ทั้งทำร้ายทั้งรีดไถเงินไปเสพไปกินเหล้าประจำงานก็ไม่ทำ 


ล่าสุด พ.ต.ท.เนื่องฤทธิ์ ตาตะมิ หัวหน้าพนักงานสอบสวน กล่าวว่า หากศพ นายเสริมพงษ์ หรือเอ็ก อายุ 39 ปี นำกลับมาจากแผนกนิติเวช รพ.ศรีนครินทร์ ขอนแก่น มาถึงบ้านญาติคนไหนๆ ก็ไม่รับเข้าบ้านหรือทำฌาปนกิจให้ ถึงแม้จะได้รับเงินกองทุนยุติธรรมก็ตาม หากตำรวจจัดการเผาศพเองก็ไม่ได้ หากมีใครอ้างเป็นญาติมาร้องเรียนภายหลังก็อาจเดือดร้อนได้ คงจะต้องปรึกษาผู้บังคับบัญชาดูอีกทีเสียก่อน เพราะคงมีปัญหาเกี่ยวเรื่องคดีคล้ายกันมาบ้างแล้ว.