“จตุพร”เสนอทำ “รัฐบาลซอฟต์พาวเวอร์” ง่ายๆ แค่ “นายกฯ-เพื่อไทย” พูดจริง ไม่โกหก เลิกตระบัดสัตย์ ยึดมั่นหลักบริหารประเทศยุติธรรม เชื่อจะทำให้คนเชื่อมั่น ดึงดูดใจ ปชช.คล้อยตาม ความเชื่อถือจะเกิดระบือไกลให้นักลงทุนแห่มาไทย ชี้ดีกว่าอีเว้นท์หมูกระทะ


นาย จตุพร พรหมพันธ์ แกนนำคณะหลอมรวมประชาชน กล่าวในรายการ ประเทศไทยต้องมาก่อน ตอน "ลุ้น!!"เมื่อวันที่ 23 พ.ย. 2566 เสนอทำซอฟต์พาวเวอร์ให้โด่งดังยิ่งกว่าการอีเว้นท์หมูกระทะ โดยเริ่มจากตัวนายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ กับพรรคเพื่อไทย เลิกพูดโกหก ไม่ตระบัดสัตย์ เพื่อสร้างแรงดึงดูดใจให้ผู้คนคล้อยตามเชื่อมั่นกับการกระทำของรัฐบาล

โดยนายจตุพร กล่าวว่า การขอฝากแต่งตั้งโยกย้ายตำแหน่งข้าราชการ โดยปกติแล้วมักกินในที่ลับ ไม่นำมาไขในที่แจ้ง สิ่งสำคัญกฎหมายไม่อนุญาตให้นักการเมืองทำ ส่วนนายเศรษฐา พูดในที่ประชุมพรรคเพื่อไทยถึงนักการเมืองขอฝากแต่งตั้งผู้กำกับการตำรวจ ตนขอชื่นชมที่พูดกันตรงๆ ตามที่นักการเมืองขอมา

ถัดมา เมื่อมีการวิพากษ์วิจารณ์กัน แม้นายเศรษฐา แถลงปฎิเสธ กลับคำพูดเปลี่ยนไปมาอีก จึงไม่เป็นซอฟต์พาเวอร์ คนสับสน กระทั่งไม่โน้มน้าวให้คล้อนตามได้ อีกอย่างการแทรกแซงแต่งตั้งข้าราชการมีความผิดตาม รธน. และกฎหมาย ซึ่งจะถูกลงโทษให้พ้นจากตำแหน่งได้ อย่างไรก็ตาม ในเรื่องนี้ นายกฯ ได้ทำความจริงให้ปรากฎในที่แจ้งมาแล้วหนึ่งเรื่องคือ การฝากแต่งตั้งตำรวจตามที่นักการเมืองร้องขอในที่ลับ

นายจตุพร ตั้งคำถามถึงนโยบายซอฟต์พาวเวอร์ (soft power) ความรักของนายสุรพงษ์ สืบวงศ์ลี ว่า แล้วกรณีนักโทษนอนป่วยชั้น 14 กับรัฐบาลตระบัดสัตย์เป็นตัวอย่างสร้างซอฟต์พาวเวอร์หรือไม่ และพรรคเพื่อไทยยิ่งพูด ยิ่งไปคนละทาง ดังนั้น ซอฟต์พาวเวอร์คืออะไร รวมทั้งได้พูดคุยให้ชัดเจนในพรรคเพื่อไทยหรือไม่

"กรณีซอฟต์พาวเวอร์ชั้น 14 ทักษิณ ชินวัตร พักอยู่นานเข้า 90 วัน เมื่อได้กลับบ้านแล้ว โรงพยาบาลตำรวจควรเลิกเป็นโรงพยาบาล เพราะไม่มีปัญญารักษาคน เอาแต่เลี้ยงไข้ไว้ถึง 90 วัน อีกทั้ง กระทรวงยุติธรรม ไม่แถลงให้ชัดเกี่ยวกับนักโทษนอนป่วยนาน 90 วัน เอาแต่เงียบและไม่สนใจเลย แล้วจะทำบ้านเมืองอยู่กันแบบนี้เหรอ หรือจะทำให้เป็นซอฟต์พาวเวอร์"

นายจตุพร กล่าวว่า นโยบายซอฟต์พาวเวอร์ พรรคเพื่อไทยไปไม่ถูก ยิ่งเรียงหน้าพูดกันก็ไปคนละทิศทาง ไปถึงการสร้างซอฟต์พาวเวอร์หมูกระทะ แสดงว่าเพื่อไทยไม่ได้พูดคุยให้เป็นแนวทางเดียวกัน ยิ่งคนที่รับผิดชอบเรื่องนี้กลับไม่เข้าใจอย่างถ่องแท้เลย
อีกทั้งกล่าวถึงรัฐบาลจะแถลงแก้หนี้ทั้งระบบว่า นับเป็นเรื่องตลกเพราะรัฐบาลกำลังจะสร้างหนี้ขึ้นมาอีก 1.3 ล้านล้านบาท จากกู้โปะงบประมาณขาดดุลประมาณ 7 แสนล้าน กับกู้มาแจกอีก 6 แสนล้าน จึงเป็นความคิดที่ย้อนแย้ง ดังนั้น การแก้หนี้ทั้งระบบอย่าได้ลูบหน้าปะจมูกกันอีก ขออย่าได้เป็นแบบแนวคิดซอฟต์พาวเวอร์และการแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต

"สิ่งสำคัญ ทำไมงบประมาณ 67 ที่จะเริ่มใช้ใน ต.ค. 66 นี้ รัฐบาลจึงดึงเรื่องไว้ ไม่เสนอให้สภาพิจารณา หรือรอเกิดวิกฤตเหรอ เมื่อเงินงบประมาณไม่ถูกอัดฉีดลงไป ย่อมเป็นปัญหา จนทำให้คนสงสัยหลักการบริหารว่า เวลานี้ต้องการอะไรกันจริงๆ"
พร้อมระบุว่า รัฐบาลชุดนี้ ทำให้ไทยเป็นประเทศเดียวที่ต้องการให้เกิดวิกฤตจนตัวสั่น อีกอย่างถ้าประเทศวิกฤตก็ไม่มีบริษัทยักษ์ใหญ่ที่ไหนมาลงทุนด้วย สิ่งสำคัญนายกฯ เป็น รมว.คลัง ทำไมไม่เร่งให้ พรบ.งบประมาณปี 67 เข้าสภา คนสงสัยว่า ดึงไว้ทำไม
อีกทั้งกล่าวว่า มีความสงสัยกันทั่วไปถึงรัฐบาลอ้างต้องเร่งรีบกู้เงิน 5 แสนล้านบาท แต่กลับไม่ส่งคำถามให้กฤษฎีกา ไม่รู้ดึงไว้ทำไม แล้วพรรคเพื่อไทยออกมาพูดคนละทิศทาง หลอกประชาชนว่า ส่งคำถามให้กฤษฎีกาแล้ว แต่ความจริงยังไม่ได้ส่ง โกหกประชาชนทำไม
"การบริหารของรัฐบาลแบบนี้ (ย้อนแย้งกับซอฟต์พาเวอร์) ยิ่งทำให้มีเสียงลุ้นกันมากว่า ไปให้พ้น รัฐบาลแบบนี้ไม่รู้จะอยู่กันไปเพื่ออะไร ไม่มีอะไรชัดเจนสักเรื่อง ยกเว้นการแต่งตั้งผู้กำกับ ที่ทำให้คนเชื่อและรู้สึกได้" นายจตุพร กล่าว


ขอบคุณรายการ : ประเทศไทยต้องมาก่อน