ดร.พร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ อดีตสส.บัญชีรายชื่อและอดีตโฆษกพรรคเพื่อไทย โพสต์ข้อความเฟสบุ๊ค ระบุว่า...

คุณว่า “หัวเราะไม่ได้ ร้องไห้ไม่ออก” แต่ผมว่า “ไม่ได้หัวเราะ แต่ต้องร้องไห้ไปทั้งชีวิต”

ในวันที่ 29 พฤศจิกายน นี้ ผมได้ข่าวว่าคุณสมชัย ศรีสุทธิยากร จะไปแจ้งความกลับ เพื่อดำเนินคดีอาญาข้อหาแจ้งความเท็จกับผม กรณีที่ผม นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ ได้ไปแจ้งความ ที่ สน.ทุ่งสองห้อง เมื่อวันที่ 22 ก.ย. 66 เพื่อขอให้สอบสวนและดำเนินคดีกับ นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีต กกต. จากกรณีที่เห็นว่านายสมชัยฯ ได้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อพรรคเสรีรวมไทย ปี 2566 และสมัคร ส.ส. แบบแบ่งเขต จ.สมุทรสาคร เขตเลือกตั้งที่ 2 เมื่อปี 2562 ทั้งที่อาจมีลักษณะ ต้องห้ามตามกฎหมายหรือไม่

เมื่อคุณสมชัยฯ ตั้งคําถาม ว่า “ท่าน (พันตำรวจตรีที่เป็น สว.(สอบสวน) ทุ่งสองห้อง) ออกหมายเรียกโดยไม่อ่าน พรป.การเลือกตั้ง ส.ส. มาตรา 98 เลยหรือว่า ผมทำผิดในวงเล็บใด หรือไม่สอบถามเบื้องต้นไปยังสำนักงาน กกต. ก่อนหรือไม่ว่า เป็นความผิดหรือเปล่า การออก หมายเรียก นอกจากจะแสดงถึงความไม่รอบคอบในการศึกษาประเด็นกฎหมาย ยังอาจเป็นการทำให้ผมเสื่อมเสียชื่อเสียงจากข้อกล่าวหาที่ไม่มีมูลและเป็นเท็จ”

ผมก็ขอตอบว่า การที่พนักงานสอบสวนตำรวจ ของ สน.ทุ่งสองห้อง เขาจะออกหมายเรียกผู้ต้องหาให้ไปรายงานตัวในวันที่ 29 พฤศจิกายน 2566 เวลา11.00 น. ได้นั้น ท่านย่อมต้องมีพยานหลักฐานและพยานบุคคลเพียงพอ มิเช่นนั้นท่านคงไม่กล้าเอาตำแหน่งหน้าที่ราชการไปเสี่ยงแน่นอน

การที่คุณสมชัยฯ กล่าวว่า “ออกหมายเรียกโดยไม่อ่าน พรป.การเลือกตั้ง ส.ส. มาตรา 98 เลยหรือว่า ผมทำผิดในวงเล็บใด หรือไม่”

ผมว่าคุณสมชัย ฯ ไม่ควรไปดูถูกดูแคลนการปฏิบัติหน้าที่ของพนักงานสอบสวน ซึ่งท่านก็ทำหน้าที่ไปตามอำนาจหน้าที่ แต่คุณสมชัยฯ นั่นหละที่ควรต้องกลับไปอ่านข้อกล่าวหาที่ผมไปร้องทุกข์กล่าวโทษให้ดีก่อนจะออกมาพูด เพราะผมไม่ได้ร้องทุกข์ตามมาตรา 98 พรป.เลือกตั้ง ส.ส. แต่ร้องทุกข์ว่าคุณสมชัยกระทำการอันเป็นการฝ่าฝืน มาตรา 151 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ.2561 กรณี “ผู้ใดรู้อยู่แล้วว่าตน ไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเนื่องจากขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ได้สมัครรับเลือกตั้งหรือทำหนังสือยินยอมให้พรรคการเมือง เสนอรายชื่อเพื่อสมัครรับเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อ” ซึ่งมีโทษจําคุกตั้งแต่1 ปีถึง 10 ปีและ ปรับตั้งแต่ 20,000 –200,000บาท และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 20 ปี ซึ่งไม่ได้เกี่ยวกับ พรป.เลือกตั้ง ส.ส. มาตรา 98 แต่อย่างใด

ดังนั้น ก่อนที่พนักงานสอบสวนจะออกหมายเรียกให้ผู้ต้องหาไปรายงานตัวได้ ท่านก็จะต้องพิจารณาข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เช่น หมวด 7 มาตรา 98 , หมวด 9 ว่าด้วย การขัดกันแห่งผลประโยชน์ มาตรา 185 ของ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 อีกทั้ง พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2561 มาตรา 42 ประกอบ มาตรา 151 และรวมไปถึง พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย คณะกรรมการการเลือกตั้ง พ.ศ. 2560 มาตราที่เกี่ยวข้อง อย่างละเอียดถี่ถ้วนแล้ว

ดังนั้น ในวันที่ 29 พฤศจิกายนนี้ การที่คุณสมชัย ฯ จะเดินทางไปตามหมายเรียกผู้ต้องหา ให้ไปรายงานตัว และหากคุณสมชัย ฯ แจ้งความดำเนินคดีกลับในคดีอาญาแจ้งความเท็จ ผมก็จะฟ้องกลับคุณสมชัย ฯ เป็นคดีอาญาในข้อหาแจ้งความเท็จ เช่นเดียวกัน เพราะถือว่าผมได้ใช้สิทธิโดยสุจริตและมีข้อเท็จจริงประกอบการแจ้งความโดยถูกต้อง ส่วนคุณสมชัยจะผิดหรือไม่ ตามที่ผมได้แจ้งความไว้ก็เป็นเรื่องที่พนักงานสอบสวนจะดำเนินการสอบสวนต่อไป แต่ไม่ใช่เป็นเรื่องที่ผมจะเอาความเท็จ ไปแจ้งความคุณสมชัย ฯ การที่คุณสมชัย ฯ เปิดเผยข้อมูลการถูกหมายเรียกในครั้งนี้ถือเป็นเรื่องดีที่ผมและสื่อมวลชนได้ทราบความคืบหน้าของคดีไปในตัว