"นายกฯ" เผยเตรียมส่งหนังสือถามกฤษฎีกาปม "พรบ.กู้เงิน 5 แสนล้าน" ยันยังอยู่ในไทม์ไลน์เดิม  ย้ำไม่เคยก้าวก่ายแต่งตั้งตำรวจ เมินตอบ"เสรีพิศุทธ์" จี้ลาออกจากตำแหน่ง "วิโรจน์" ฟาดซ้ำ "เศรษฐา" อย่าตะแบง จี้รักษาคำพูด ขจัดสังคมเส้นสายตามที่หาเสียงไว้  ด้าน"สมชัย"กางกฎหมายจับผิดนายกฯ หลุดพูดฝากผู้กำกับแย้มคนเดียวก็ร้อง ปปช.เอาผิดได้


     ที่กระทรวงการต่างประเทศ เมื่อวันที่ 23 พ.ย.66 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ให้สัมภาษณ์ถึงการชี้แจงถึงเหตุผลการออก พ.ร.บ.กู้เงิน 5 แสนล้านบาท ว่า เป็นเรื่องที่เราเข้ามาบริหารประเทศ พูดคุยหลายภาคส่วน ซึ่งเป็นเรื่องที่หลายภาคส่วนเรียกร้องมาว่าถ้าพ.ร.บ.กู้เงิน ต้องผ่านคณะรัฐมนตรี (ครม.) ซึ่งครม.เป็นตัวแทนของส.ส.ส่วนส.ส.เป็นตัวแทนประชาชน ถ้าผ่าน ครม.ก็ถือว่าผ่านความเห็นชอบของประชาชน และทางกฤษฎีกาก็จะพิจารณาว่าถูกต้องตามหลักนิติธรรมหรือไม่ หากผ่านก็แสดงว่าเห็นชอบ การที่เราต้องผ่านระบบรัฐสภา ก็จะเป็นการชี้แจงรายละเอียด ให้สภาฯได้มีการซักถาม ก็อยากให้ผ่านทุกขั้นตอน แม้อาจจะล่าช้าไปบ้าง แต่ก็เป็นเรื่องที่โปร่งใส และตรวจสอบได้
    
 ผู้สื่อข่าวถามว่า คณะกรรมการกฤษฎีกาบอกหรือไม่ว่าใช้ระยะเวลาเท่าไหร่ถึงจะเรียบร้อย นายกฯ กล่าวว่า "ผมยังไม่ได้คุย แต่ที่เคยคุยกฤษฎีกา ก็ย้ำว่าทำให้ถูกขั้นตอน เป็นครั้งเดียวที่ได้คุยกัน"  เมื่อถามว่า ในซีกของรัฐบาลได้ส่งเรื่องไปให้กฤษฎีกาเรียบร้อยแล้วใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ยังไม่ทราบ ตนต้องถาม นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง เพราะมันมีขั้นตอนอีก
   
  เมื่อถามว่า นายจุลพันธ์ ระบุว่ายังไม่ได้ส่งเรื่องให้คณะกรรมการกฤษฎีกา ไทม์ไลน์จะถูกยืดออกไปหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ก็อีกไม่กี่วัน คิดว่าเดี๋ยวก็คงจะส่งแล้ว เมื่อถามย้ำว่า ไทม์ไลน์ยังอยู่ในเดือนพ.ค.ใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า "ครับ ยังอยู่ในไทม์ไลน์นี้อยู่"
    
 นายเศรษฐา ยังกล่าวถึงกรณีคณะกรรมาธิการการตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร เตรียมเชิญนายกฯ เข้าชี้แจงกรณีที่ได้พูดกับส.ส.ในที่ประชุมพรรคเพื่อไทย เรื่องการขอแต่งตั้งตำรวจระดับผู้กำกับ(ผกก.) ในวันที่ 7 ธ.ค. ว่า ตนก็ได้ชี้แจงไปแล้วว่าจริงๆ แล้ว ไม่ได้มีการก้าวก่าย ซึ่งถ้ามีการเรียกมาก็ต้องว่ากันไปตามขั้นตอน 
   
  สำหรับกรณีที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย และอดีต ผบ.ตร. ระบุสิ่งที่นายกฯ ให้สัมภาษณ์เท่ากับเป็นใบเสร็จ และเรียกร้องให้ลาออกจากตำแหน่ง โดยนายกฯ นิ่งและยิ้ม แต่ไม่ตอบคำถามดังกล่าว ก่อนจะบอกว่า "ขอคำถามต่อไป"
 ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้  พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก พลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ระบุว่า ถึง ท่านนายกเศรษฐา เมื่อวานท่านเผลอให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวไปเกี่ยวกับการแต่งตั้งผู้กำกับการที่บรรดาส.ส.พรรคเพื่อไทยขอสนับสนุนจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติไปก็มีทั้งสมหวังและผิดหวัง ก็คงจริงเพราะจะให้ได้ทุกตำแหน่งคงจะเป็นไปไม่ได้ เพราะตำแหน่งมีจำกัด
   
  ท่านเพื่งเข้าสู่วงการเมืองคงอ่านรัฐธรรมนูญยังไม่จบ โดยเฉพาะมาตรา186วรรคสอง รัฐมนตรีต้องไม่ใช้สถานะหรือตำแหน่งกระทำการใดไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม อันเป็นการก้าวก่ายหรือแทรกแซงการปฎิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่รัฐเพื่อประโยชน์ของตนเองหรือผู้อื่นหรือของพรรคการเมืองโดยมิชอบ ตามที่กำหนดในมาตรทางจริยธรรม
  
   คำให้สัมภาษณ์ต่อผู้สื่อข่าวของท่านเปรียบเสมือนใบเสร็จรับเงินที่ออกให้ประชาชนไปแล้ว คงไม่อาจปฎิเสธเป็นอย่างอื่นได้อย่างแน่นอน หนทางเดียวคือการแสดงความรับผิดชอบด้วยการลาออก ให้มีกระบวนการสรรหานายกรัฐมนตรีตามรัฐธรรมนูญกันใหม่ อย่างไรเสียประวัติศาสตร์ก็จารึกไว้แล้วว่าท่านคือนารัฐมนตรีคนที่30ของประเทศไทย อย่าไปเสียดาย วาสนามีเท่านี้ก็ต้องเท่านี้ มิฉะนั้นท่านจะต้องอับอายไปทั่วโลก สู้ลาออกเดินเชิดหน้าอย่างสง่าผ่าเผยไม่ดีกว่าหรือ คดีอาจจะไม่มีก็ได้
   
  ที่รัฐสภา นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีตั๋วผู้กำกับที่มี ส.ส.ฝากนายกฯ กลางวงประชุมส.ส.พรรคเพื่อไทย โดย นายวิโรจน์ ถามสื่อมวลชน ว่า  นายกฯ ได้ชี้แจงหรือไม่ วันก่อนกินอะไรไปถึงพูดอย่างนั้น ผู้กำกับจะหมายความเป็นผู้กำกับภาพยนตร์หรือผู้กำกับซีรีส์ไม่ได้  ส่วนที่นายกฯ บอกว่ามีคนขอมาเยอะเหลือเกิน สรุปแล้วคนที่ขอเป็นคนหรือสัมภเวสี เรื่องนี้เปิดประชุมสภาฯ สมัยหน้าจะตั้งกระทู้ถาม เพราะนายกฯ พูดไว้ว่ามีคนขอมาเยอะเหลือเกิน มีผิดหวังมากกว่าสมหวัง สมหวังก็มีจำนวนไม่น้อย แสดงว่ามีการฝากกันจริง
     
"ขอท่านอย่าบิดพลิ้ว หลุดปากพูดแล้วอีกวันก็มาแก้ตัว วันก่อนหน้าเป็นการรับสารภาพของคนที่เป็นนายกฯ ที่เคยพูดก่อนหาเสียง นายเศรษฐา ทวีสิน จะขจัดสังคมเส้นสาย แต่หลังหาเสียงกลับลืมในสิ่งที่เคยพูดไว้เสียงเข้ม สรุปแล้วเศรษฐาที่พูดในที่ประชุมพรรคเพื่อไทย กับเศรษฐาอีกวันหนึ่งคือเศรษฐาคนเดียวกันหรือไม่" 
    
 นายวิโรจน์ กล่าวต่อว่า ตอนนี้คงต้องใช้กลไกของคณะกรรมาธิการในการจัดการ นายกฯ ต้องมาชี้แจง วันนั้นอยากเอายามาทาสีข้างให้นายกฯ เพราะค่อนข้างจะอักเสบพอสมควร สารภาพมาแล้ว 80% ก็ควรจะพูดอีก 20% ที่เหลือว่า สส.ที่มาฝากผู้กำกับใหม่คือใคร และฝากกี่คน หากจะตรวจสอบคงไม่ยากเกินวิสัย เพราะผู้กำกับมีการโยกย้ายและมีผู้กำกับใหม่อยู่จำนวนหนึ่ง ตนเองจะหาทางโยงว่าผู้กำกับที่เพิ่งได้รับแต่งตั้งมีใครอยู่จังหวัดใด อยู่สถานีตำรวจใดบ้าง และมีความสัมพันธ์โยงใยกับ ส.ส.เพื่อไทยหรือไม่
    
 "การกระทำของนายกฯ สร้างความผิดต่อสังคม จากนี้จะต้องหาหลักฐานเพิ่มเติมและแสวงหาข้อเท็จจริง ผมจะทำบัญชีว่าผู้กำกับคนใดอยู่ในบัญชีสมหวังหรือบัญชีแห้วบ้าง โดยกรณีจะทำให้นายเศรษฐาพ้นสภาพการเป็นนายกฯ หรือไม่ มองว่าเป็นการถูกตั้งคำถามมากกว่า ต่อไปประชาชนจะเชื่อคำพูดของนายกฯ ได้อีกหรือไม่" นายวิโรจน์ กล่าว
 
ผู้สื่อข่าวถามว่า พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย เรียกร้องให้นายเศรษฐาลาออก นายวิโรจน์ กล่าวว่า ถือเป็นสิทธิที่ทำได้ แต่การตัดสินใจอยู่ที่นายกฯ  จึงขอถือโอกาสนี้ให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ตั้งหน้าตั้งตาทำงานอย่างเต็มที่ เรื่องที่เขาพูดกันไม่เกินจริง
    
 "ถ้าคุณไม่วิ่งไม่หาเงินมาซื้อตำแหน่ง โอกาสที่จะได้ขึ้นผู้กำกับก็ยาก แสดงถึงความท้อแท้ของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่อย่างสุจริต เข้าใจว่าท่านอยู่ในแวดวงอสังหาริมทรัพย์มาก่อน  อสังหาริมทรัพย์บางรายรู้สึกว่าการติดสินบน การใช้เส้นสายเป็นเรื่องปกติ ผมคาดหวังเป็นอย่างยิ่งว่าท่านนายกฯ ที่ยืนยันตนเองว่าจะอยู่ในสังคมที่ถูกต้องทำธุรกิจที่ถูกต้องมาโดยตลอด จะไม่มีพฤติกรรมเช่นนี้" นายวิโรจน์ กล่าว
 
วันเดียวกัน นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) โพสต์ข้อความผ่าน เฟซบุ๊กสมชัย ศรีสุทธิยากร ระบุว่า การพูดของนายกเศรษฐากลางที่ประชุมพรรคเพื่อไทย เกี่ยวกับคำขอผู้กำกับใหม่ที่มีมามากและมีจำนวนน้อยที่สมหวัง อาจกลายเป็นเรื่องใหญ่ถึงพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีและ บรรดา สส. พ้นจากตำแหน่งได้ ด้วยผิดรัฐธรรมนูญหลายมาตรา
   
  มาตรา 185 (3) ห้าม ส.ส. หรือส.ว. ก้าวก่ายแทรกแซง ในการบรรจุ แต่งตั้ง โยกย้าย โอน เลื่อนตำแหน่ง ข้าราชการ มาตรา 186 ห้ามรัฐมนตรี (รวมนายกรัฐมนตรี) ก้าวก่าย การแต่งตั้งโยกย้าย ข้าราชการ มาตรา 234(1) ให้อำนาจ ปปช. ไต่สวน กรณีผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ใช้อำนาจขัดต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 235 (2) หาก ปปช. เห็นด้วยด้วยเสียงเกินครึ่ง ให้ส่งสำนวนการสอบสวนไปยังอัยการสูงสุด เพื่อส่งศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ศาลรับฟ้อง ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ ศาลบอกผิด ต้องพ้นจากตำแหน่ง เพิกถอนสิทธิรับสมัครเลือกตั้งตลอดชีวิต และอาจถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งไม่เกิน 10 ปีก็ได้ แอบบอกหน่อยก็ได้ครับว่า ประชาชนแค่ 1 คน ก็ร้อง ปปช.ได้ครับ