“อนุทิน” มอบนโยบาย “สถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ” เร่งป้อนแรงงานใหม่เข้าสู่ตลาด พัฒนาสกิลแรงงานเดิม ดูแลแรงงานนอกระบบ ยกระดับคุณวุฒิวิชาชีพ เท่าใบปริญญา  

เมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน 2566 ที่อาคารเพิร์ล แบงก์ค็อก สถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (องค์การมหาชน) นายอนุทิน  ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมคณะผู้บริหาร ได้เดินทางมามอบนโยบาย ระบุว่า

ในฐานะรองนายกฯ ที่มี 4 กระทรวงอยู่ในกำกับ คือ มหาดไทย ศึกษาธิการ การอุดมศึกษาฯ และแรงงาน ยินดี ที่ได้กำกับดูแลสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ หรือ สคช. ด้วย เพราะนั่นหมายถึงการมีโอกาสได้ดูภาพรวมทั้งหมดของ การพัฒนาคน ขอยืนยันว่าจะสนับสนุนการดำเนินงาน เพื่อสร้างคน มาพัฒนาชาติ

สถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ เป็นหน่วยงานที่มีความสำคัญในการพัฒนากำลังแรงงานของประเทศด้วยระบบคุณวุฒิวิชาชีพ ซึ่งเป็นกลไกที่ถือว่ามีความทันสมัย สอดคล้องกับแนวโน้มของโลกเป็นอย่างยิ่ง

ในวันนี้ผมขอมอบนโยบายเป็นหลักไว้ 6 ประการ สำหรับการต่อยอดหน่วยงาน

1.แรงงานใหม่ต้องเข้าสู่ตลาดแรงงานเร็วขึ้น จะต้องมีคุณวุฒิวิชาชีพในระดับที่ทำให้ได้รับค่าตอบแทนที่เหมาะสม 2. แรงงานเดิมต้องได้รับการพัฒนายกระดับสมรรถนะ รวมถึงดูแลแรงงานนอกระบบ และแรงงานอิสระ เช่น กลุ่มเกษตรกร กลุ่มผู้ขนส่งสินค้าและอาหาร หรือไรเดอร์ เป็นต้น รวมถึง การฝึกอาชีพให้กลุ่มผู้สูงอายุ เนื่องจากประเทศไทยได้เข้าสู่การเป็นสังคมผู้สูงวัยแล้ว

3. สถาบันคุณวุฒิวิชาชีพต้องเป็นหน่วยงานที่เชื่อมโยงและผลักดันเครือข่ายภาคการศึกษา โดยเฉพาะระดับอุดมศึกษา อาชีวศึกษา ทั้งภาครัฐและเอกชน ทั้งในและนอกระบบ ให้นำเอามาตรฐานอาชีพไปกำหนดให้เป็นหลักสูตรสมรรถนะเพื่อนำสู่ผลลัพธ์ คือ คนตรงงาน งานตรงคน โดยลดการเรียนในห้อง เน้นฝึกงานจริง

4. คุณวุฒิวิชาชีพ ต้องเป็น Degree ด้านอาชีพ ให้กับผู้ที่สมควรได้รับการยกย่อง ซึ่งมีวิทยฐานะเท่ากับระดับ 7 หรือ 8 ซึ่งเทียบได้กับการได้รับปริญญาโท หรือปริญญาเอก อาทิ ปราชญ์เกษตร ผู้เชี่ยวชาญด้านศิลปะ วัฒนธรรม และหัตถกรรม เป็นต้น

5. ผลักดันและขับเคลื่อนแพลตฟอร์ม E-Workforce Ecosystem หรือ EWE ให้เป็น Big Data ด้านกำลังคน ของประเทศไทย

6. ยกระดับสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพสู่เวทีสากล ผ่านการสร้างความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและเป็นที่ยอมรับในระดับสากล เพื่อเตรียมความพร้อมให้คนที่ต้องการ ไปทำงานต่างประเทศ หรือคนไทยที่เคยไปทำงานที่ต่างประเทศแล้วต้องการกลับมาที่ประเทศไทย สามารถมีคุณวุฒิวิชาชีพยืนยันความสามารถ และเจริญเติบโตในเส้นทางอาชีพในฐานะพลเมืองโลกได้ต่อไป

"การพัฒนาคน ก็คือการพัฒนาชาติ" งานของสถาบันฯ มีความสำคัญ และจะมีแต่สำคัญยิ่งขึ้นไปอีกในอนาคต ขอให้มีความ active และสนุกกับการทำงานอยู่เสมอ เพื่อประโยชน์สูงสุดของพี่น้องประชาชน”