วันที่ 22 พ.ย.2566 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีมีสายการบินจีนจำนวนหนึ่งที่มีแผนจะให้บริการเส้นทางจากหลายเมืองของจีนของตารางการบิน (slot) สู่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และจองใช้บริการภาคพื้นของบริษัทการบินไทย แต่สุดท้ายต้องยกเลิกเนื่องจากไม่มีดีมานของผู้โดยสารที่เพียงพอ จะส่งผลต่อกรณีที่เราเปิดฟรีวีซ่าให้คนจีนหรือไม่ ว่า มันไม่ได้ยกเลิกทั้งหมด พอมีฟรีวีซ่าก็อาจจะมีการจองเข้ามาเยอะ แต่นโยบายภายในประเทศของจีนเอง ก็สนับสนุนให้มีการท่องเที่ยวภายในประเทศเยอะ สภาพเศรษฐกิจเองก็ไม่ได้ดีอย่างที่คิดไว้ ฉะนั้นจากจำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่คิดว่าอาจจะเข้ามาเยอะมาก ก็ไม่ได้เข้ามาเยอะขนาดนั้น แต่อย่างไรก็ตามหากไม่มีนโยบายนี้ก็จะยิ่งแย่ไปกันใหญ่ 

นายเศรษฐา กล่าวว่า ทั้งนี้จากที่ตนได้เจอกับ Booking.com ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ Agoda.com ที่เป็นเว็บออนไลน์ทำเรื่องการเดินทางไปต่างประเทศ ก็คอนเฟิร์มชัดเจนว่ามีนักท่องเที่ยวจีน เข้ามาทำธุรกรรมประมาณ 3 เท่า ซึ่งตรงนี้เป็นเรื่องหนึ่งที่รัฐบาลให้ความสำคัญ ซึ่งตนก็ได้พูดไปในวงหารือหนึ่งว่าจำนวนนักท่องเที่ยวเป็นประเด็นหนึ่ง แต่อีกประเด็นหนึ่งที่เราให้ความสำคัญมากกว่า คือจำนวนวันที่อยู่กับการใช้จ่ายต่อคน ซึ่งหลังจากสถานการณ์โควิด การเดินทางมีค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นมาก ฉะนั้นเขามาถึงแล้วการจับจ่ายใช้สอยจะน้อยลง ตรงนี้ก็เข้าใจจึงเป็นที่มาที่ไปในการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านการท่องเที่ยวด้วยมาตรการต่างๆผ่านการท่องเที่ยวด้วยการเปิดฟรีวีซ่าให้ชาวไต้หวันและชาวอินเดีย และกำลังพิจารณาอีกหลายมาตรการในการกระตุ้นเศรษฐกิจ

เมื่อถามว่า รัฐบาลเปิดฟรีวีซ่าเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ดูเหมือนจะมีกลุ่มจีนสีเทาเข้ามาแสวงธุรกิจโดยมีกระบวนการขอทาน นายกฯได้ติดตามและสั่งการในเรื่องนี้หรือไม่ นายเศรษฐากล่าวว่า ก็ติดตามอยู่ครับ จีนสีเทาก็มีอยู่มานานแล้วอาจจะไม่เกี่ยวกับเรื่องของฟรีวีซ่าหรือเปล่า เราก็ต้องบริหารจัดการกันต่อไป ซึ่งเรื่องของคนจีนขอทานก็ไปเช็คดูแล้วว่าเข้ามาก่อน ตรงนี้ก็มีการจัดการไป เราก็ต้องดำเนินการตามกฏหมายไป ซึ่งก็มีขั้นตอนการเข้ามาคือการตรวจคนเข้าเมือง

 

#จีนสีเทา #ขอทานจีน #ฟรีวีซา