วันที่ 21 พ.ย. 2566 เวลา 13.30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบร่าง พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ตามที่กระทรวงยุติธรรม เสนอ เนื่องจากปัจจุบันประเทศไทยยังไม่มีกฎหมายรองรับสิทธิในการก่อตั้งครอบครัวของคู่รักเพศเดียวกัน ซึ่งแตกต่างไปจากสภาพสังคมในปัจจุบันที่คู่รักเพศเดียวกันอยู่ร่วมกันจำนวนมาก โดยขาดเครื่องมือทางกฎหมายในการจัดการความสัมพันธ์ทางครอบครัว ส่งผลให้เกิดปัญหาครอบครัวหลากหลายทางเพศหลายประการ ครม. จึงมีมติแก้ไขร่างกฎหมายดังกล่าวตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอมา เพื่อให้บุคคลสองคน ไม่ว่าเป็นเพศใดทำการหมั้นหมายและสมรสกันได้ รวมทั้งจะแก้ไขเพิ่มเติมบทบัญญัติอื่นๆ เช่นแก้คำว่า “ชาย” “หญิง” “สามี” “ภรรยา” และ “สามีภรรยา” เป็น “บุคคล” “ผู้หมั้น” “ผู้รับหมั้น” และ “คู่สมรส” เพื่อให้มีความหมายครอบคลุมคู่หมั้นและคู่สมรสไม่ว่าเพศใด และเพิ่มเหตุเรียกค่าทดแทน และเหตุฟ้องหย่าให้ครอบคลุมกรณีคู่สมรสฝ่ายหนึ่งไปมีความสัมพันธ์กับบุคคลอื่นไม่ว่าเพศใด เพื่อให้บุคคลนั้นมีสิทธิและหน้าที่และสถานะทางครอบครัว เท่าเทียมกับคู่สมรสที่เป็นชายหญิง
นายคารม กล่าวว่า สส.พรรคก้าวไกลเป็นผู้เสนอร่างพ.ร.บ.คู่ชีวิต แต่รัฐบาลชุดก่อนตีตก เมื่อรัฐบาลชุดใหม่เข้ามาทำหน้าที่ แต่ไม่ได้ยืนยันกฎหมายภายในกรอบเวลา 60 วัน ทำให้กฎหมายตกไป รัฐบาลเห็นความสำคัญของสิทธิการอยู่ร่วมกันของความหลากหลายทางเพศ จึงปรับปรุงกฎหมายฉบับนี้โดยรับฟังความคิดเห็นอย่างครบถ้วนแล้ว โดยหลังจากนี้จะส่งเรื่องไปยังสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเพื่อตรวจสอบหลักการร่างกฎหมาย ก่อนส่งกลับมายังคณะรัฐมนตรีเพื่อเสนอเข้าสู่สภาฯ ต่อไป