เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 21 พ.ย.66 ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ หนึ่งในแกนนำพันธมิตร ที่บุกยึดสนามบิน พร้อมทนายได้เดินทางมาตามศาลนัดสืบพยานในคดีนำกลุ่มมวลชนพันธมิตรปักหลักประท้วงในสนามบินดอนเมืองและสุวรรณภูมิ เมื่อปี 2551 ที่ ห้องพิจารณาคดี 910 โดยให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนว่า วันนี้ตนมาเบิกความในฐานะจำเลยคนที่ 18 ในคดีพันธมิตรฯชุดที่สอง ชุมนุมในสนามบินท่าอากาศยานดอนเมือง และท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เมื่อปี 2551 ที่ผ่านมาก็ได้มีโอกาสซักค้านพนักงานสอบสวน ซึ่งพยานฝ่ายโจทก์ที่พาดพิงถึงตนเองไปแล้ว และแม้ว่าจะไม่ได้เป็นแกนนำพันมิตรฯในช่วงนั้น แต่ในวันนี้จะได้นำพยานหลักฐานที่รวบรวมมาหลายปีในฐานะนักวิชาการและสื่อมวลชน ซึ่งเพียงพอที่จะทำให้เห็นภาพรวมว่าเกิดอะไรขึ้นเพื่อจะแถลงต่อศาลไว้จำนวน 100 หน้า ทำให้มั่นใจว่าการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ ไม่ได้เป็นผู้กระทำความผิด ส่วนจะไม่กระทำผิดอย่างไรก็จะขอเบิกความในชั้นศาล ส่วนคดีแกนนำพันมิตรฯชุมนุมบุกสนามบินชุดแรก มีจำเลย 36 คน ศาลนัดฟังคำพิพากษาวันที่ 18 ธ.ค.นี้ เวลา 09.00 น.
นายปานเทพ กล่าวว่า การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ เป็นการใช้สิทธิต่อต้านการได้มาซึ่งอำนาจโดยมิชอบตามรัฐธรรมนูญของรัฐบาลในยุคนั้น ที่ทำให้มีการยุบพรรคพลังประชาชน 2 ธ.ค.2551 และหยุดยั้งการพยายามแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อล้มล้างคดีทุจริตคอร์รัปชัน ยกเลิกคดียุบพรรคการเมืองหลังจากที่ผ่านการเลือกตั้งไปแล้ว ส่วนการชุมนุมในเหตุการณ์นั้นจะเป็นอย่างไร ก็จะมีรายละเอียดในคำเบิกความ แต่การชุมนุมในช่วงนั้นประสบความสำเร็จเป็นที่มีมาของการทำให้คดีทุจริตคอร์รัปชันเดินหน้าไปได้ จนยุติไปแล้ว 12 คดีมีผู้ถูกจำคุกหลายคน รวมทั้งนายทักษิณ ชินวัตร ด้วย เราจึงเชื่อด้วยความบริสุทธิ์ใจว่าทำหน้าต่อต้านการได้มาซึ่งอำนาจโดยมิชอบตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ ขณะเดียวกันก็ต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชัน เราเชื่อและมั่นใจว่าสิ่งที่เราทำไม่ได้เป็นเพียงเสรีภาพการชุมนุมแต่เป็นการทำหน้าที่รักษาประโยชน์ของชาติ ซึ่งเป็นหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ