วันที่ 21 พ.ย.2566 เวลา 08.30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ให้สัมภาษณ์กรณีคนไทยที่กลับจากเล่าก์ก่าย เมียนมา บางส่วนถูกกล่าวหาว่าเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ทางกระทรวงจะแก้ปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ทั้งระบบอย่างไรว่า ปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์เป็นเรื่องใหญ่ และคนเหล่านี้ไม่กลัวเรื่องการติดคุก แต่กลัวเกี่ยวกับการยึดทรัพย์มากกว่า ดังนั้นตนจึงได้ประสานไปยังสํานักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เพื่อตรวจสอบเส้นทางการเงินของขบวนการเหล่านี้ และสั่งการไปยัง พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตํารวจสอบสวนกลาง ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ให้ดำเนินการอย่างเป็นระบบและเฉียบขาดต่อไป

เมื่อถามว่าการป้องกันไม่ให้คนไทยออกนอกประเทศแล้วไปเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ จะดำเนินการอย่างไร นายประเสริฐ กล่าวว่า การออกนอกประเทศมีขั้นตอนตรวจคนเข้าเมืองอยู่ เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องต้องรัดกุมว่าคนที่ออกไปเพื่ออะไร ไปทำธุรกิจหรืออะไร เพราะน่าสงสัยว่าการไปเล่าก์ก่ายถ้าไปทำธุรกิจไม่น่าจะได้ เพราะทราบดีว่าไม่น่ามีธุรกิจอะไรที่คนไทยไปติดต่อค้าขายด้วย โดยคนที่กลับมาจากเล่าก์ก่ายมี 2 กลุ่ม กลุ่มแรก 41 คน อยู่ระหว่างคัดกรองที่เชียงราย กลุ่มที่ 2 กลับมาช่วงดึกที่ผ่านมา 266 คน อยู่ระหว่างคัดกรองว่าแต่ละคนมีรายละเอียดอย่างไร โดยหลายคนที่กลับมามีหมายจับอยู่ด้วย กลุ่มที่ 1 มีหมายจับ 7 คน เกี่ยวกับคอลเซ็นเตอร์ 3 คน ที่เหลือเป็นยาเสพติดกับการค้าแรงงาน ส่วนกลุ่มที่ 2 เบื่องต้นทราบว่ามีคดีอาญาติดตัวอยู่ด้วย

เมื่อถามว่าประเทศไทยถูกต่างชาติมากว่าเป็นดินแดนแก๊งคอลเซ็นเตอร์จะแก้ภาพลักษณ์นี้อย่างไร นายประเสริฐ กล่าวว่า ไม่เฉพาะแต่ประเทศไทย แก๊งนี้อาละวาดหลายประเทศ ทางการไทยดำเนินการปราบปรามอย่างเฉียบขาด การโยกย้ายคนไทยจากเก่าก์ก่ายครั้งนี้จะขยายผลไปสู่การดำเนินการครั้งใหญ่ได้ และปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์เป็นโจทย์หลักและปัญหาเร่งด่วนที่กระทรวงจะดำเนินการโดยจะบูรณาการทำงานกับหลายฝ่ายทั้ง ตำรวจ ทั้ง ปปง. มหาดไทย กลาโหม ต้องทำงานร่วมกัน