วันที่ 21 พ.ย.2566 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่ทางคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อพิจารณาศึกษาและเสนอแนวทางการส่งเสริมกระบวนการสร้างสันติภาพเพื่อแก้ปัญหาความขัดแย้งในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้ถามหารองนายกรัฐมนตรีที่รับผิดชอบฝ่ายความมั่นคง ว่า ตนก็ไม่เห็นว่ามีใครพูดว่าต้องเป็นรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง แต่การแบ่งงานในพื้นที่3จังหวัดชายแดนภาคใต้ออกมา ตนก็นั่งในคณะกรรมการหลายชุด และทำงานในลักษณะสอดประสานกับรองนายกรัฐมนตรีท่านอื่นๆ ก็ไม่น่ามีปัญหาอะไร ในส่วนของการพูดคุยสันติสุขชายแดนภาคใต้ เป็นกรอบของรัฐบาลเดิมที่ทำไว้ และยังไม่สำเร็จ
ซึ่งตนเห็นว่าการแก้ปัญหาในภาพรวม 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ หากได้พูดคุยการก็จะเป็นแนวทางที่ถูกต้อง ถูกใจทุกฝ่าย เพื่อให้สามารถเดินได้ ซึ่งตนก็รับผิดชอบเรื่อง พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ซึ่งยังเหลืออีก 20 กว่าอำเภอ ที่จะต้องมาหารือกันเพื่อปลดล็อก จึงอยากให้มีการพูดคุยกัน อะไรที่ทำได้ รับได้ ของคนทั้งประเทศ แต่ตนมั่นใจว่า แนวทางที่ได้ศึกษามาในระยะสั้นๆ ได้เห็นแนวทางที่จะทำให้ 3 จังหวัดชายแดนใต้ เดินไปสู่สันติภาพได้อย่างไร
อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 27 พ.ย.นี้ นายกรัฐมนตรี เตรียมลงพื้นที่ภาคใต้ และลงพื้นที่3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อไปดูเรื่องสายสัมพันธ์การบ้านการเมืองกับประเทศมาเลเซีย จะเป็นที่ทำให้เห็นว่า รัฐบาลให้ความใส่ใจในเรื่องการแก้ไขปัญหา
ส่วนแนวโน้มที่จะยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ทั้งหมดนั้น ถ้าคุยกันจบเรื่องพ.ร.ก.ฉุกเฉิน ไม่ใช่เรื่องที่ซีเรียส การที่ยังคงเอาไว้เพราะการพูดคุยยังไม่จบ จึงต้องเอาเรื่องพ.ร.ก.ฉุกเฉิน มาปะทะไว้ แต่ถ้าเขาคุยกันลงตัวทุกอย่างจบ และการยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ทั้งหมดจะเป็นลำดับสุดท้าย ซึ่งตนอยากใช้แนวทางนี้มากกว่าการยกเลิกเพียง 1-2 อำเภอ
เมื่อถามว่าพ.ร.ก.ฉุกเฉิน มีอุปสรรคต่อการทำงานอะไรหรือไม่ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ไม่ได้เป็นอุปสรรคอะไรมากมาย เพียงแต่ความเป็นประชาธิปไตย จะต้องมีอะไรมาเป็นเงื่อนไขที่เป็นข้อกังขาต่อประชาชน เพราะเรามาจากการเลือกตั้งก็ควรทำให้มันสมบูรณ์ ซึ่งตนคงไม่ยอมให้ใครมาทำให้ผิดทำนองครองธรรมในการแก้ไขปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เบื้องต้นรับผิดชอบในส่วนนี้ หากทำไม่ดีก็จะเกิดความไม่ปลอดภัยในพื้นที่ หากเราสามารถพูดคุยทำให้เกิดความปลอดภัยประชาชนก็รับได้ เชื่อว่าจะนำไปสู่หนทางความสำเร็จหากทุกฝ่ายช่วยกัน