กมธ.ยุติธรรม สภาผู้แทนราษฎรเร่งหาข้อมูลเสี่ยแป้งหลบหนี เชื่อวางแผนหนีแบ่งงานกันทำ พุ่งเป้าอุดช่องโหว่ระเบียบปฏิบัติล้อมคอกระหว่างเรือนจำโรงพยาบาลทั่วประเทศ เผยตั้ง กก.สอบวินัยร้ายแรงแล้ว 4 นาย ผบ.เรือนจำคนเก่าส่อรอด ผบก.ยันมีหมายจับเพิ่มทั้งผู้ร่วมขบวนการ จนท.รัฐ

ที่ศาลากลางจังหวัดนครศรีธรรมราช นายกมลศักดิ์ ลีวาเมาะ ในฐานะ ประธาน ได้นำคณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร เข้าศึกษาดูงานและตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับกรณีนายเชาวลิต ทองด้วง หรือเสี่ยแป้ง ผู้ต้องขังเรือนจำกลางนครศรีธรรมราชหลบหนี ขณะเข้ารับการรักษาตัวที่ รพ.มหาราชนครศรีธรรมราช โดยได้เชิญผู้เกี่ยวข้องฝ่ายกรมราชทัณฑ์ ประกอบด้วยอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ผู้บัญชาการเรือนจำกลางนครศรีธรรมราช และส่วนงานที่เกี่ยวข้องกับกรมราชทัณฑ์ในจังหวัดนครศรีธรรมราช โดยผู้บริหารระดับสูงส่วนใหญ่ได้มอบให้ผู้แทนเข้าชี้แจงกับกรรมาธิการ โดยในที่ประชุมกรรมาธิการ ได้ให้ความสนใจกับการย้ายเรือนจำจากจังหวัดพัทลุงมายังนครศรีธรรมราช และขั้นตอนการได้รับอนุญาตให้ออกมารักษาตัว และการสั่งการให้นำตัวออกมาจากเรือนจำ

นายศุภวิชญ์ ทวีสุขกาญจน์ นักทัณฑวิทยาชำนาญการพิเศษ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการเรือนจำกลางนครศรีธรรมราช ระบุว่าขณะนี้ผู้บัญชาการเรือนจำนครศรีธรรมราช ที่เข้ารับตำแหน่งคนใหม่ได้เข้าพื้นที่พัทลุงและตรังเพื่อติดตามนักโทษชายเชาวลิต และชี้แจงว่าเหตุที่เรือนจำพัทลุงได้ส่งตัวย้ายนายเชาวลิตมาที่เรือนจำกลางนครศรีธรรมราช จากพฤติการณ์ที่กระด้างกระเดื่องกับเจ้าหน้าที่ พร้อมทั้งมีลักษณะของการข่มขู่คุกคามเจ้าหน้าที่เรือนจำพัทลุงจนเข้าสู่การย้ายเรือนจำตามระเบียบราชทัณฑ์ และระบุด้วยว่านายเชาวลิตถูกบันทึกประวัติว่า “มีพฤติการณ์” คือหมายถึงเป็นนักโทษที่ก้าวร้าวและมีอิทธิพล และได้รับการพิจารณาให้ออกมารักษาตัวภายนอกเรือนจำจากแพทย์ที่เข้าตรวจรักษาตามโครงการราชทัณฑ์ปันสุข และปฏิเสธว่าเรือนจำไม่ได้ทราบจากผู้ที่เลื่อนนัดจากแพทย์เป็นเหตุให้นำตัวออกมาตามนัดเดิม

รักษาราชการแทนผู้บัญชาการเรือนจำกลางนครศรีธรรมราช ยังระบุด้วยว่า ขณะนี้ได้มีการตั้งคณะกรรมการสอบวินัยร้ายแรงกับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องแล้ว 4 ราย คือเจ้าหน้าที่เวรขณะเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ผู้ที่รับว่าเป็นคนเปลี่ยนตรวนและกุญแจ และผู้อำนวยการส่วนควบคุม ซึ่งการสอบสวนวินัยร้ายแรงนี้เริ่มตั้งแต่เมื่อวันพฤหัสที่ 16 พ.ย.ที่ผ่านมา

ขณะที่ พลตำรวจตรีสมชาย ซื่อต่อตระกูล ผู้บังคับการตำรวจภูธรนครศรีธรรมราช เปิดเผยว่าการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการอย่างละเอียดมาตั้งแต่เกิดเหตุ การออกหมายจับผู้เกี่ยวข้องจำนวน 7 รายนั้นทุกคนให้การสอดคล้องต้องกันและยังเชื่อมโยงไปหาบุคคลอื่นอีก นอกจากนั้นยังพิจารณาจากกล้องวงจรปิดถึงการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ ในขณะที่มีภาพนายเชาวลิตก่อเหตุพยายามหลบหนีตั้งแต่คืนแรก จนกระทั่งคืนที่สอง เป็นเหตุให้นำไปสู่ออกหมายจับ จนท.ทั้ง 3 ราย เกี่ยวข้องกับความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ตามมาตรา 157 ส่วนหมายจับเพิ่มหรือไม่นั้นอาจเพิ่มอีกในส่วนของพลเรือน และส่วนของเจ้าหน้าที่ซึ่งอยู่ในระหว่างการรวบรวมข้อมูล

ขณะที่นายกมลศักดิ์ ลีวาเมาะ ประธานคณะกรรมาธิการ เปิดเผยว่า  เรามาฟังข้อเท็จจริงทั้งหมดจะมีการสรุปและทำเป็นจข้อเสนอแนะกับฝ่าบริหารดูชั้นต้นพบว่ามีระเบียบดีแต่ผู้ปฏิบัติบกพร่อง และมารับฟังทางโรงพยาบาลเราจะรับฟังข้อบกพร่องข้อเสนอแนะ และขณะนี้เท่าที่รับฟังนั้นพบว่าน่าจะมีการแบ่งงานแบ่งหน้าที่กันทำในการหลบหนี

ต่อมาในช่วงบ่ายวันเดียวกัน คณะกรรมาธิการ ได้เดินทางไปยัง รพ.มหาราชนครศรีธรรมราช เพื่อรับฟังข้อเท็จจริง แต่ได้ขอให้เป็นข้อมูลภายในเท่านั้นพร้อมทั้งขอให้ผู้สื่อข่าวรอด้านนอกห้องประชุม เนื่องจากมีข้อมูลบางอย่างที่ไม่สามารถเผยแพร่ได้ โดยมีรายงานจากภายในว่าจะมีการเปิดเผยข้อมูลวงจรปิดจากทุกจุดในโรงพยาบาลให้คณะกรรมาธิการพิจารณา และเปิดเผยข้อมูลหลักฐานความผิดปกติบางอย่างในการนำตัวนักโทษรายนี้เข้ามาที่ รพ.แม้ว่าจะมีการแจ้งเลื่อนนัดไปก่อนหน้าวันเกิดเหตุแล้ว.