ที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.)  บริเวณโถงหน้าห้องประชุม 101 ชั้น 1 เมื่อเวลาประมาณ 10.00 น. ของวันที่ 20 พ.ย.66 พล.ต.ต.เอกรักษ์ ลิ้มสังกาศ รองเลขาธิการ ปปง. พร้อมด้วย นายวิทยา นีติธรรม โฆษกประจำสำนักงาน ปปง. และพ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ร่วมแถลงผลการปฏิบัติงานของสำนักงาน ปปง. ประจำเดือน พ.ย.66 ผลการประชุมคณะกรรมการธุรกรรม ประจำเดือน พ.ย.66 รวมถึงความคืบหน้าของการดำเนินการในคดีหุ้น STARK และคดีลักลอบนำเข้าหมูเถื่อน 161 ตู้

โดย นายวิทยา แถลงว่า ในการประชุมคณะกรรมการธุรกรรม ครั้งที่ 11/2566 เมื่อวันที่ 16 พ.ย.ที่ผ่านมา คณะกรรมการธุรกรรมได้พิจารณาเห็นชอบให้ดำเนินการกับทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด ซึ่งได้ดำเนินการกับทรัพย์สิน 1,333 รายการ 60 รายคดี มูลค่าทรัพย์สินกว่า 2,559 ล้านบาท และมอบหมายพนักงานเจ้าหน้าที่ตรวจสอบทรัพย์สิน 26 รายคดี อย่างไรก็ตาม สำนักงาน ปปง. ได้สรุปรายคดีสำคัญอันเป็นที่สนใจของประชาชน คือ ได้ยึดและอายัดทรัพย์สิน จำนวน 16 รายคดี ทรัพย์สิน 430 รายการ พร้อมดอกผล มูลค่าประมาณ 1,422 ล้านบาท

ทั้งนี้ ส่วนใหญ่เป็นทรัพย์สินเกี่ยวกับความผิดมูลฐานยาเสพติด ฉ้อโกงประชาชน การลักลอบหนีศุลกากร และการจัดให้มีการเล่นการพนันทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์ สำหรับข้อมูลรายคดีสำคัญ ดังนี้ 1.ความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด ปปง. ได้อายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดไว้ชั่วคราว รวมจำนวน 42 รายการ พร้อมดอกผล มูลค่าประมาณ 64 ล้านบาท อาทิ รายคดีกลุ่มเครือข่ายยาเสพติด นายทุน มิน หลัด (TUN MIN LATT) กับพวก

โดยคณะกรรมการธุรกรรมมีคำสั่งให้อายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดไว้ชั่วคราว รวม จำนวน 24 รายการ เป็นเงินในบัญชีเงินฝากธนาคาร พร้อมดอกผลมูลค่าประมาณ 21 ล้านบาท ทั้งนี้ การอายัดทรัพย์สินไว้ชั่วคราว มีระยะเวลา คือ 90 วัน 2.ความผิดเกี่ยวกับการฉ้อโกงประชาชน ปปง. ได้อายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดไว้ชั่วคราวรวมจำนวน 17 รายการ พร้อมดอกผลมูลค่าประมาณ 374 ล้านบาท อาทิ รายคดีของ นายชนินทร์ เย็นสุดใจ อดีตประธานบริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) โดยคณะกรรมการมีคำสั่งให้ยึดและอายัดทรัพย์สินจำนวน 16 รายการ เป็นเงินสด เงินในบัญชีเงินฝากธนาคาร หลักทรัพย์ และสินทรัพย์ดิจิทัล พร้อมดอกผล มูลค่าประมาณ 349 ล้านบาท

ด้าน พล.ต.ต.เอกรักษ์ กล่าวถึงความคืบหน้าการยึดอายัดทรัพย์คดีหมูเถื่อนว่าคกก.ธุรกรรม สั่งยึดอายัดทรัพย์ในคดีหมูเถื่อน 24 รายการ เป็นที่ดิน บ้าน รถยนต์ รวมมูลค่า 31 ล้านบาท เงินฝากในบัญชีรวม 22 ล้านบาท รวมทั้งหมด ยึดอายัด 53 ล้านบาท ปัญหาคือมีการตรวจพบการลักลอบนำเข้าหมูเถื่อนที่จับได้กว่า 2,300 ตู้ มาตั้งแต่ปี 64-65 ทำให้ต้องตรวจสอบย้อนหลังจำนวนมาก จึงต้องใช้เวลาดำเนินการ

ขณะที่ พ.ต.ต.ยุทธนา ยังถึงความคืบหน้าการดำเนินคดีคดีหุ้นสตาร์คว่า การดำเนินคดีนั้น พ.ต.ต.สุริยา สิงหกมล อธิบดีกรมสอบสวรคดีพิเศษ ได้เร่งรัดให้สอบสวนต่อเนื่อง ภายหลังจากที่ ก.ล.ต. ได้ร้องทุกข์กล่าวโทษต่อบริษัท สตาร์คฯ และกรรมการผู้มีอำนาจลงนาม รวมถึงกลุ่มบริษัทลูกข่ายต่างๆ ซึ่งการสอบปากคำนั้น คณะพนักงานสอบสวนได้ดำเนินการสอบปากคำแล้วทั้งสิ้น 160 ราย และได้รวบรวมพยานหลักฐานขยายผลอย่างต่อเนื่อง กระทั่งสามารถแจ้งข้อหาแก่ผู้ต้องหาแล้ว 11 ราย แบ่งเป็น บุคคลธรรมดา 6 ราย และนิติบุคคลอีก 5 ราย และได้ออกหมายจับผู้ต้องหาอีก 1 ราย

พ.ต.ต.ยุทธนา กล่าวอีกว่า สำหรับการเข้าให้ปากคำของ ทายาทสีชื่อดัง ซึ่งตกเป็นหนึ่งในผู้ต้องหาว่า คณะพนักงานสอบสวนยังไม่ได้มีการยึดหรืออายัดทรัพย์สินของเจ้าตัว อีกทั้งตลอดการเข้าพบพนักงานสอบสวนทั้ง 2 ครั้ง เจ้าตัวยังคงให้การปฏิเสธพร้อมยื่นหนังสือแก้ข้อกล่าวหา และพร้อมต่อสู้คดี ส่วนรายละเอียดภายในสำนวนไม่สามารถเปิดเผยได้ต้องขอดำเนินการพิสูจน์ตรวจสอบก่อนว่ามีส่วนรู้เห็นต่อการทุจริตที่เกิดขึ้นมากน้อยเพียงใด และต้องดูว่าการขายหุ้นที่เกิดขึ้นนั้น ผู้ต้องหาได้ประโยชน์จากการตกแต่งบัญชีด้วยหรือไม่ ซึ่งจะยึดตามหลักเกณฑ์ของ ก.ล.ต.

นอกจากนี้ จำนวนผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้องในคดีอาจมีเพิ่มเติม ซึ่งถ้าหากพบว่าใครมีส่วนเกี่ยวข้องในขั้นตอนใดอีก พนักงานสอบสวนจะดำเนินการทางอาญาทั้งหมด ส่วนขั้นตอนถัดไปคือการดำเนินการกับกลุ่มผู้รับรองการทำบัญชีหรือรับรองงบของบริษัท โดยที่ผ่านมา พนักงานสอบสวนได้มีการออกหมายเรียกพยานไปถึงสองครั้งแก่บุคคล 1 ราย ซึ่งเป็นพนักงานในบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งที่มีหน้าที่ตรวจสอบบัญชีของบริษัท สตาร์คฯ โดยเจ้าตัวได้มีการเลื่อนหมายเรียกเพราะอ้างอาการเจ็บป่วยซึ่งก็ได้มีใบรับรองแพทย์ประกอบมาให้ หากมีการเข้าพบพนักงานสอบสวนก็จะสอบถามในกรณีว่ามีความบกพร่องต่อการตรวจสอบบัญชีของบริษัทหรือได้ทำตามมาตรฐานของนักตรวจสอบบัญชีหรือไม่

นายวิทยา โฆษก ปปง. ยังกล่าวด้วยว่า ส่วนการดำเนินการของสำนักงานปปง. ในจำนวนที่เราได้ยึดอายัดไว้ 349 ล้านบาทนั้น ส่วนใหญ่เป็นเงินสด เงินในบัญชีเงินฝากธนาคาร หลักทรัพย์ เพราะเป็นทรัพย์สินที่สามารถจำหน่ายจ่ายโอนได้ และแม้มูลค่าความเสียหายจะมีจำนวนมาก แต่เราก็ต้องยกเครดิตให้ ก.ล.ต. เพราะ ก.ล.ต. ได้ใช้อำนาจตามกฎหมายในการอายัดทรัพย์จำนวนหนึ่งไว้พอสมควร หลังจากนี้ เราต้องเอาทรัพย์สินที่ได้ยึดอายัดไว้ไปพิจารณาว่าเป็นทรัพย์สินที่มีการตระเตรียมสำหรับกระทำความผิดหรือไม่ หรือเป็นทรัพย์สินที่ได้มาจากการกระทำความผิด

"เพราะรายการทรัพย์สินมีจำนวนมาก อาจมีความสลับซับซ้อน มีการจำหน่ายจ่ายโอนไปหลายทอด จึงต้องมีการคัดกรองทรัพย์สิน แต่ขอให้ผู้เสียหายสบายใจได้ว่าทรัพย์สินล็อตแรกนี้ที่เราได้อายัดไว้ ยังไม่ได้ถูกจำหน่ายจ่ายโอนไปไหน ส่วนทรัพย์สินในล็อตที่สองกำลังอยู่ระหว่างดำเนินการ โดยเราจะตรวจสอบทรัพย์สินทั้งที่อยู่ภายในประเทศและที่ไหลออกไปภายนอกประเทศ คาดว่าต้องใช้เวลาในการดำเนินการสักระยะ"  โฆษก ปปง. กล่าว


#หมูเถื่อน #หุ้นSTARK