วันที่ 18 พ.ย.2566 ผู้สื่อข่าวรายงาน ว่า ที่สนามแสดงช้าง ต.นอกเมือง อ.เมือง จ.สุรินทร์ นายทรงศักดิ์ ทองศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้เดินทางมาเป็นประธาน เปิดการแสดงของช้าง ประจำปี พ.ศ.2566 โดยมีปกรณ์ มุงเจริญพร ส.ส.พรรคภูมิใจไทย อ.เมืองสุรินทร์ กล่าวต้อนรับ และรายงานการจัดงานแสดงของช้างในปีนี้ พร้อมทั้ง นายพิจิตร บุญทัน ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ และรอง ผู้ว่าราชการจังหวัด หัวหน้าส่วนราชการ ให้การต้อนรับและร่วมงานแสดงของช้างในปีนี้

 

พร้อมทั้งมีนักท่องเที่ยว ทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติ เข้าร่วมชมการแสดงของช้าง ในปีนี้นับหมื่นคน โดยทางจังหวัดสุรินทร์ เปิดให้ประชาชน และนักท่องเที่ยวเข้าชมการแสดงของช้างฟรีในปี นี้ มีช้างกว่า 120 เชือก เข้าร่วมการแสดงความน่ารักความฉลาดแสนรู้ ให้ได้ชมอย่างประทับใจและก่อนการแสดงช้างได้มีการแสดงวิถีชีวิตของชาวนา เป็นการแข่งขันนวดข้าวเปลือกจากต้นข้าวเพื่อนำไปเก็บหรือนำไปขาย เป็นวิถีชีวิตของชาวนาเมืองช้างในขณะนี้ โดยทีมที่ชนะการแข่งขัน ได้แก่ทีม จาก อ.พนมดงรัก และรองชนะเลิศได้ทีม อ.รัตนบุร และทีมนวดข้าวเปลือก อ.เมืองสุรินทร์

ด้าน นายทรงศักดิ์ ทองศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวเปิดงานพร้อมกล่าวต้อนรับประชาชนและนักท่องเที่ยว ที่มาเที่ยวชมงานแสดงของช้าง งานที่ยิ่งใหญ่ระดับโลก มหัศจรรย์งานช้างสุรินทร์ เป็นการแสดงของช้างมาเป็นปีที่ 63 ปี จังหวัดสุรินทร์ การจัดแสดงวัฒนธรรมประเพณี ส่งเสริมและอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรม วิถีชีวิตคนกับช้าง ซึ่งปีนี้มีผู้เข้าชมกันอย่างเนืองแน่น เต็มอัฒจรรย์นั่งชมทั้งสองด้านของการจัดงาน โดยฉากการแสดงเน้นวิถีชีวิตของคนกับช้างที่อยู่ด้วยกันเป็นครอบครัว ประวัติการสร้างเมืองสุรินทร์ และขนบธรรมเนียมประเพณี วัฒนธรรมของจังหวัดสุรินทร์ ปรากฏในฉากการแสดงช้างที่กำหนดไว้ ดังนั้นงานแสดงช้างสุรินทร์ถือได้ว่าเป็นงานที่สำคัญของชาติอีกงานหนึ่ง เป็นการแสดงออกถึงวิถีชีวิต และวัฒนธรรมของคนกับช้าง ที่มีมาช้านาน จอบจนปัจจุบันยังคงเป็นเมืองที่มีคนเลี้ยงช้างมากที่สุดในประเทศจนได้รับการขนานนามว่า เมืองช้าง

สำหรับการจัดงานแสดงช้างสุรินทร์ 63 ปี ในครั้งนี้จัดระหว่างวันที่ 18 และ 19 พ.ย. 2566 วันละ 2 รอบ มีรอบกลางวัน และรอบแสดงแสงเสียงช่วงกลางคืน และงานช้างแฟร์ จัดขึ้นระหว่างวันที่ 16-27 พ.ย.2566 การแสดงของช้าง จัดให้มีการแสดง จำนวน 5 ฉากหรือ5 องก์ ประกอบด้วย ฉากการแสดงภาคกลาวัน องก์ที่ 1 ช้างชูไทย 63 ปีงานช้างสุรินทร์ แดสงถึงการพัฒนาการงานแสดงของช้างที่ยิ่งใหญ่ที่ผ่านมากว่า 62 ปี องก์ที่ 2 การจับช้างป่า หรือการโพนช้าง ซึ่งเป็นการแสดงของการคล้องช้าง หรือจับช้าง หรือโพนช้าง ของชาวกูยเลี้ยงช้างในอดีตที่หารชมไม่ได้อีกแล้ว องก์ที่ 3 เฉลิมยศ ฉลองเมือง พระยาสุรินทร์ภักดี

ซึ่งเมือสมัยอยุธยา หัวหน้าชาวกูย แห่ง หมู่บ้านคูประทาย ชื่อ เชียงปุม และลูกบ้านกลุ่มหนึ่ง ได้ช่วยขุนนางผู้มียศศักดิ์จากราชสำนักอยุธยา คล้องช้างเผือกที่แตกโรงมาจากพระนครให้กลับคืนไปได้ ต่อมาหัวหน้าชาวกูยผู้นั้น ได้รับราชการกับราชสำนักอยุธยา จนได้รับพระราชทาน บรรดาศักดิ์เป็น หลวงสุรินทร์ภักดี และต่อมาได้เลือนเป็นพระยาสุรินทร์ภักดี ศรีณรงค์จางวาง เป็นเจ้าเมืองปกครอง เมืองประทายสมันต์ ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาและเปลี่ยนชื่อเป็นเมืองสุรินทร์ ตามนามของพระยาสุรินทร์ภักดีถึงปัจจุบัน องก์ที่ 4 แสดงการละเล่นของช้าง เป็นการแสดงถึงความสามารถของช้างแสนรู้ และความน่ารักของช้าง เช่น ช้างเต้นรำ ช้างวาดรูป ช้างแสดงความสามารถด้านต่างๆเป็นต้น และสุดท้ายองก์ที่ 5 แสนยานุภาพช้างไทยป้องปฐพี เป็นฉากที่แสดงความยิ่งใหญ่ของทัพมหากษัตริย์ไทยในอดีต ซึ่งใช้ช้างในขบวนทัพ และการทำยุทธหัตถี ที่ยิ่งใหญ่ตระการตา โดยได้รับความสนใจจากประชาชน และนักท่องเที่ยวเข้าชมงานกันอย่างเนืองแน่น ต่างก็ประทับใจที่จังหวัดสุรินทร์จัดงานช้างได้อย่างยิ่งใหญ่

โดยในปีนี้เป็นที่ครอบรอบ 63 ปีของงานช้างสุรินทร์ ทางจังหวัดสุรินทร์ได้จัดให้มีการแสดงของช้างในภาคกลางคืนประกอบ แสง สี เสียง ที่ยิ่งใหญ่ไม่แพ้ภาคกลางวันด้วยฉากการแสดงจำนวน 4 ฉากหรือ 4 องก์ ประกอบด้วย องก์ที่ 1 บูชาเทพแห่งพิฆเนศวร เป็นฉากการแสดงถึงความสำคัญของช้าง องก์ที่ 2 กำเนิดหัวเมืองเขมรป่าดง เมื่อปี พ.ศ.2260 กลุ่มผู้นําหมู่บ้านกูยที่มีความสามารถในการจับและฝึกช้างป่าอพยพจากเมืองอัตตปือข้ามลำน้ำโขง แล้วเดินทางตามลำน้ำมูลเข้ามาอาศัยอยู่ในเขตพื้นที่กรุงศรีอยุธยาเรียกว่า เขตเขมรป่าดง โดยแบ่งออกเป็นเป็น 6 สาย และตั้งบ้านเรือนอยู่ที่ต่าง ๆ ซึ่งเมื่อมีศึกสงครามก็จะนำช้างไปช่วยทำศึก แสดงถึงขบวนทัพช้างแห่งเอเชียอัคเนย์ในอดีต องก์ที่ 3 การจับช้างป่า หรือ การคล้องช้าง หรือการโพนช้างของชาวกูยเลี้ยงช้างจังหวัดสุรินทร์ในอดีต องก์ 4 เฉลิมยศ ฉลองเมือง พระยาสุรินทร์ภักดี โดยสมัยอยุธยา หัวหน้าชาวกูย แห่ง หมู่บ้านคูประทาย ชื่อ เชียงปุม และลูกบ้านกลุ่มหนึ่ง ได้ช่วยขุนนางผู้มียศศักดิ์จากราชสำนักอยุธยา คล้องช้างเผือกที่แตกโรงมาจากพระนคร ให้กลับคืนไปได้ ต่อมาหัวหน้าชาวกูยผู้นั้น ได้รับราชการกับราชสำนักอยุธยา จนได้รับพระราชทาน บรรดาศักดิ์เป็น หลวงสุรินทร์ภักดี

จากนั้นอีกสามปี จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ยกหมู่บ้านคูประทายขึ้นเป็นเมือง ประทายสมันต์ และเลื่อนบรรดาศักดิ์หลวงสุรินทร์ภักดี เป็นพระยาสุรินทร์ภักดี ศรีณรงค์จางวาง แล้วให้เป็นเจ้าเมืองปกครอง เมืองประทายสมันต์ ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา และองก์ที่ 5 แสนยานุภาพช้างไทยป้องปฐพี การแสดงการทำยุทธหัตถีของพระมหากษัตริย์สมัยโบราณ ซึ่งผืนแผ่นดินไทยดำรงอยู่ได้ด้วยพระปรีชาสามารถแห่งบูรพกษัตริย์ของไทย และ ความสามารถของ คชสาร ที่กู้ชาติ กู้แผ่นดิน ไว้ในอดีตหลายยุค หลายสมัย การศึกสงครามเมื่อ ครั้งอดีต ช้างบ่งบอกถึงแสนยานุภาพอันเกรียงไกร

ทั้งนี้การแสดงแต่ละองก์ ผู้ชมและนักท่องเที่ยวได้มาเที่ยวชมงานแสดงช้างจังหวัดสุรินทร์แล้ว ทุกคนจะได้เห็นถึงความสำคัญของช้างที่อยู่คู่กับแผ่นดินไทยมาช้านาน และประชาชนทั่วไป ได้ไปเที่ยวชมการแสดงของช้างครบรอบ 63 ปี ของจังหวัดสุรินทร์ ได้ในวันพรุ่งนี้ 19 พ.ย. อีกวันทั้งรอบกลางวันและรอบกลางคืน ที่สนามแสดงช้างจังหวัดสุรินทร์ อ.เมือง จ. สุรินทร์