จากกรณีการสู้รบระหว่างกองทัพเมียนมา และกองกำลังท้องถิ่นในพื้นที่เมืองเล่าก์ก่าย พื้นที่ปกครองตนเองโกก้าง สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา ซึ่งติดอยู่กับชายแดนประเทศจีน เป็นเหตุให้คนไทยหลายร้อยชีวิตที่ไปทำงานที่นั่น ได้รับผลกระทบจากภาวะสงครามและต้องการที่จะอพยพเดินทางกลับมายังประเทศไทยโดยด่วน 

ล่าสุด เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 17 พ.ย.66 ที่บริเวณด้านหน้าสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย ถนนรัชดา ขาเข้า ได้มีกลุ่มครอบครัวคนไทยที่ไปทำงานอยู่ในเมืองเล่าก์ก่าย เขตการปกครองของกองกำลังติดอาวุธโกกั้ง ซึ่งอยู่ติดกับชายแดนประเทศจีน ได้เข้ายื่นหนังสือถึงรัฐบาลจีน เพื่อขอให้ทางรัฐบาลช่วยเหลือให้คนไทยหลายร้อยชีวิตในเมืองเล่าก์ก่าย ข้ามชายแดนไปลี้ภัยสงครามเป็นการชั่วคราวในดินแดนประเทศจีน โดยมี พ.ต.ท.เอกราช มาละวรรณโณ รอง ผกก.ปราบปราม สน.ห้วยขวาง เป็นตัวแทนรับมอบหนังสือเพื่อส่งไปยังเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย 

โดยคุณภาวิณี ตัวแทนครอบครัวที่มายื่นหนังสือ ระบุว่า ขณะนี้ลูกชายของตนและคนไทยอีกกว่า 100 ชีวิตที่อยู่ในเมืองเล่าก์ก่าย ได้รับการช่วยเหลือจากกองทัพเมียนมาแล้ว แต่ยังไม่ได้ถูกส่งตัวกลับมายังประเทศไทยสักที ไปร้องขอความช่วยเหลือกับทางกระทรวงต่างประเทศของไทย ก็ถูกอ้างว่าอยู่ในระหว่างการทำเรื่องเอกสาร ซึ่งตนมองว่าล่าช้าเกินไปและลูกชายก็ส่งข่าวมาบอกว่า วันที่ 18 พฤศจิกายนนี้ จะมีการเปิดศึกสมรภูมิครั้งใหญ่ในเมือง ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบความปลอดภัยของลูกชายและคนไทยอีกหลายคน ในวันนี้ตนร่วมกับผู้ปกครองของคนไทยอีกหลายชีวิต จึงได้มารวมตัวกันเพื่อยื่นหนังสือต่อเอกอัครทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย เพื่อดำเนินการประสานไปยังรัฐบาลจีน ขอให้เปิดชายแดนรับคนไทยกว่า 100 ชีวิตในเมืองไปลี้ภัยสงครามเป็นการด่วน เพราะหากรอกว่ารัฐบาลไทยจะดำเนินการให้ความช่วยเหลือแล้วเสร็จ อาจจะไม่ทันวันที่ 18 พฤศจิกายนที่จะมีสงครามใหญ่ในพื้นที่ 

คุณภาวิณี ระบุอีกว่า บรรดาลูก ๆ ของผู้ปกครองที่มารวมตัวกันในวันนี้ ต่างถูกหลอกให้ไปทำงานที่เมียนมา ไม่มีใครเต็มใจไป โดยอ้างว่าไปทำงานสถานบันเทิงบ้าง หรือไปทำงานด้านบริการต่าง ๆ แต่สุดท้ายกลับถูกหลอกให้ไปทำงานผิดกฎหมายในประเทศเมียนมา โดยมีนายจ้างเป็นชาวจีน ซึ่งลูกชายที่ไปทำงานตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา หลังจากได้รับความช่วยเหลือก็เล่าให้ฟังว่า มีเพื่อนของพวกเขาหลายคนที่ถูกทำร้ายร่างกาย เนื่องจากทำยอดไม่ได้ตรงตามเป้าหมายหรือพยายามลักลอบติดต่อมายังครอบครัวในประเทศไทยแล้วถูกนายจ้างจับได้ บางคนถึงขนาดถูกทุบตีหรือใช้ไม้จิ้มลูกชิ้นหม่าล่าจิ้มเข้าที่ร่างกาย จนเป็นแผลปวดแสบปวดร้อน อีกทั้งยังถูกยึดโทรศัพท์ ยึดพาสปอร์ตหรือเอกสารสำคัญทางราชการ ไม่สามารถที่จะติดต่อกลับมายังครอบครัวได้เลย และมีความเป็นอยู่ที่ยากลำบาก 

อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่มีการสู้รบภายในเมืองเล่าก์ก่าย ทางครอบครัวก็ได้พยายามประสานไปยังรัฐบาลไทยและทาง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จนทำให้กองทัพเมียนมาร์สามารถเข้าให้การช่วยเหลือคนไทยได้กว่า 200 ชีวิตรวมทั้งลูกชายของตนเองตั้งอต่ต้นเดือนที่ผ่านมา แต่จนถึงตอนนี้ ยังไม่สามารถส่งกลับมายังประเทศไทยได้ เบื้องต้น ลูกชายตนอยู่ในพื้นที่ปลอดภัย แต่ยังออกจากเมืองไม่ได้ เพราะยังไม่ได้รับอนุญาตจากทหารเมียนมาร์ให้ออกจากเมืองและรัฐบาลไทยอ้างว่า อยู่ในระหว่างการทำเรื่องเอกสาร ตอนนี้วิถีชีวิตของลูกและคนไทยในนั้นค่อนข้างลำบาก ถูกตัดน้ำตัดไฟ อาหารการกินก็เหลือน้อย สัญญาณอินเทอร์เน็ตก็ไม่ดี และยังมีการสู้รบในพื้นที่ แม้ทางกองทัพเมียนมาร์พยายามจะให้การดูแลอย่างดี แต่ครอบครัวก็ยังคงกังวลในเรื่องของความปลอดภัย จึงอยากร้องขอผ่านสื่อมวลชนว่า นอกจากที่จะมายื่นหนังสือต่อสถานเอกอัครราชทูตจีนแล้ว ก็ขอวิงวอนให้หน่วยงานรัฐบาลไทยเร่งจัดการด้านเอกสารเพื่ออพยพนำตัวคนไทย 200 กว่าชีวิต กลับมายังประเทศอย่างปลอดภัย เพราะตอนนี้เป็นห่วงลูกของตนเองกับคนไทยทุกคนที่เล่าก์ก่ายอย่างมาก