มั่นใจผู้ถือครองต้องขึ้นเงินในปีแรก ชี้ยังไงก็ต้องมีเงินสดในมือไม่งั้นเจอพายุหมุนแน่
เมื่อวันที่ 16 พ.ย.2566 นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตกรรมการการเลือกตั้ง โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก ระบุว่า
การที่ รมช.คลัง และทีมเศรษฐกิจเพื่อไทย ชี้แจงว่า จะทยอยให้ร้านค้าแลกคืนเงินดิจิทัล เป็นเงินสด เป็นรอบ ๆ โดยแบ่งเป็น 3 ปี ถึงปี 2570
ต้องชมว่า เป็นวิธีการคิดแบบธุรกิจที่แยบยลและเป็นผลดีต่อฐานะการเงินการคลังของประเทศ เพราะแม้รัฐบาลจะมี พ.ร.บ.เงินกู้ที่ผ่านสภา แต่เรื่องอะไรต้องรีบกู้ทั้งก้อนให้เสียดอกเบี้ยเป็นหลายหมื่นล้าน สู้ล็อคตัวเลขให้แลกคืนปีละ 100,000 - 200,000 ล้าน แล้วทยอยกู้ไม่ต้องแบกดอกไม่ดีกว่าหรือ
รอบใช้จ่ายแรกของประชาชน 6 เดือน กว่าที่ร้านค้าในระบบภาษีจะรวบรวมเงินมาแลกก็น่าจะเป็นต้นปี 2568 และหากกำหนดโควต้าให้แลกปีละเท่าโน้นเท่านี้ ตั้งงบประมาณแต่ละปีมาใช้คืนสบายมาก
แต่ในมุมของคนรับผิดชอบการเงินของประเทศ เช่น ธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ดูแล พ.ร.บ.เงินตรา อาจคิดต่างว่า เมื่อคุณจะแจกเงิน คุณต้องมีเงินจริงอยู่เท่าที่คุณแจก ไม่ใช่เงินในอากาศแล้วมากู้ภายหลัง
เช่นเดียวกับที่ฝันว่า ร้านค้าจะทยอยมาแลกคืนใช้เวลาถึง 3 ปี แต่ถ้าเขามองว่าเงินดิจิทัล เป็นเงินชั้นสอง มีสถานะต่ำกว่า เงินบาทจริง เพราะชำระหนี้ได้เพียงบางประเภท ใครเล่าเขาอยากจะถือ
เมื่อทุกคนปรารถนาแลกคืนพร้อมกันในปีแรกพร้อม ๆ กัน แล้วรัฐบาลไม่มีเงินบาทจริงมารองรับ จินตนาการภาพพายุหมุนแบบทำลายล้างรุนแรงได้เลย
สมชัย ศรีสุทธิยากร
ที่ปรึกษา กมธ. ติดตามงบประมาณ สภาผู้แทนราษฎร
16 พฤศจิกายน 2566