วันที่ 16  พ.ย.2566 ที่อาคารกระทรวงยุติธรรม ถนนแจ้งวัฒนะ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พร้อมคณะผู้บริหารกระทรวงยุติธรรม ประชุมหารือแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ร่วมกับ คณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อพิจารณาศึกษาและเสนอแนวทางการส่งเสริมกระบวนการสร้างสันติภาพเพื่อแก้ไขปัญหาความขัดแย้งในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ สภาผู้แทนราษฎร นำโดย นายจาตุรนต์ ฉายแสง ประธานกรรมาธิการ

โดยมี พล.อ. นิพัทธ์ ทองเล็ก ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี และ รองประธานคณะกรรมาธิการ ประกอบด้วย นายสุธรรม แสงประทุม นายรอมฎอน ปันจอร์ นายณัฏฐ์ชนน ศรีก่อเกื้อ นายซูการ์โน มะทา และคณะ พร้อมด้วย นายสมบูรณ์ ม่วงกล่ำ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม นายกูเฮง ยาวอหะซัน เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม นายยู่สิน จินตภากร ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม นายวัลลภ นาคบัว รองปลัดกระทรวงยุติธรรม คณะกรรมาธิการฯ หัวหน้าส่วนราชการในสังกัดกระทรวงยุติธรรม และผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุม


ในที่ประชุมได้ร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นถึงแนวทางการส่งเสริมกระบวนการสร้างสันติภาพเพื่อแก้ไขปัญหาความขัดแย้งในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดย พ.ต.อ. ทวี  ได้กล่าวถึงนโยบายของรัฐบาลด้านการใช้หลักนิติธรรม (Rule of Law) ที่ยึดประโยชน์ของประชาชนเป็นหัวใจสำคัญ ดังนั้น บทบาทของกระทรวงยุติธรรม จะต้องใช้ความเข้มแข็งของหลักนิติธรรมให้เกิดกับคนทุกคน ทั้งนี้ ได้ฝากให้คณะกรรมาธิการฯ พิจารณาผลการศึกษาความคิดเห็นและข้อเสนอแนะเพื่อนำไปสู่การปฏิบัติ เพื่อให้การดำเนินการเกี่ยวกับการแก้ปัญหาและสร้างสันติภาพจังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพต่อไป

ทางด้าน นายจาตุรนต์  กล่าวว่า ในขณะนี้พื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ยังขาดการขับเคลื่อนบูรณาการ เนื่องจากพอเปลี่ยนรัฐบาลแล้วคำสั่งบางคำสั่งถูกยกเลิกไป ก็เท่ากับว่าไม่มีระบบที่จะบริหารจัดการ  ดังนั้นกระทรวงยุติธรรมจะต้องเป็นองค์กรที่มีส่วนสำคัญในส่วนนี้ ไม่ใช่มีแต่องค์กรด้านความมั่นคง หรือองค์กรที่ไม่ใช่สายงานด้านอำนวยการยุติธรรมเป็นหลักไปหมด ซึ่งจะไม่สามารถแก้ปัญหาสำคัญที่เป็นต้นเหตุความขัดแย้งในจังหวัดชายแดนภาคใต้ได้ 

“จำเป็นต้องเพิ่มบทบาทของกระทรวงยุติธรรมทั้งในคณะเจรจาพูดคุยและองค์กรบริหารจัดการจังหวัดชายแดนภาคใต้  เราจึงฝากประเด็นให้รัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรมรวมถึงคณะกรรมาธิการเองไปศึกษา และจะหาหรือร่วมกันอีกครั้ง เพื่อทำเป็นข้อเสนอต่อสภาผู้แทนราษฎรต่อไป” ประธาน กมธ.กล่าว