สยามรัฐ ยึดมั่นอุดมการณ์ปกป้องเทิดทูนสถาบันชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ยืนหยัดรับใช้สังคมด้วยจิตสำนึกแห่งความรับผิดชอบ …*…
สปอร์ตไล้ท์หันมาฉายจับธนาคารแห่งประเทศไทย หลังนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีคลังเปิดเบื้องลึกเบื้องหลังการออก พ.ร.บ.เงินกู้หลายแสนล้านบาทเพื่อนำมาใช้ในโครงการแจกเงินดิจิทัล วอลเล็ต ตามที่พรรคเพื่อไทยเคยหาเสียงไว้ว่ามาจากคำแนะนำของนายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย …*…
“เรื่องที่มาที่ไปของ พ.ร.บ.เงินกู้นี่ ทางผู้ว่าฯธนาคารแห่งประเทศไทยได้บอกเองว่านายกฯ กู้ดีกว่า ตอนนี้จาก 61% เป็น 64% เพราะเพดานเงินกู้อยู่ที่ 70% ให้กู้เลย ถ้านำมาใส่โครงการนี้บวกกับโครงการอื่น และหากยกระดับจีดีพีขึ้นไป สัดส่วนหนี้สาธารณะต่อจีดีพีจะลดตามไป แม้หนี้จะเพิ่มแต่ถ้าจีดีพีมากกว่า หนี้จะลดลง”นายเศรษฐาให้สัมภาษณ์ในระหว่างเดินทางไปประชุมเอเปคที่อเมริกา …*…
ส่วนข้อถกเถียงที่ว่าเศรษฐกิจไทยวันนี้วิกฤติหนักจนถึงขั้นต้องกู้เงินมหาศาลมากระตุ้นหรือไม่นั้น นายเศรษฐาระบุว่า มีคำถามว่าตอนนี้เราอยู่ในวิกฤต หรือไม่ได้อยู่ในวิกฤต มีวิกฤตและความจำเป็นที่ต้องทำหรือไม่ ถ้าบอกว่ามีวิกฤตและความจำเป็นคือเรามีจีดีพีติดลบ แบบนั้นคงไม่ต้องทำ เพราะจีดีพียังไม่ติดลบ แต่ 9 – 10 ปี ที่ผ่านมา จีดีพีแค่ 1.9 % ต่อปี เราไม่มีการเติบโตทางเศรษฐกิจ แต่ประเทศอื่นโตกว่าเรา 2 เท่า คู่แข่งของไทยทั้งประเทศเวียดนาม มาเลเซีย อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ มีการเติบโต สมัยก่อนอาจจะอยู่ในโลกของเราคนเดียวได้ แต่ปัจจุบันอยู่ในโลกการแข่งขัน ถ้าไม่มีการเติบโตทางเศรษฐกิจ วันหนึ่งอาจไม่มีใครอยากมาลงทุนที่ไทย รัฐบาลเชื่อว่าเราอยู่ในวิกฤติที่ต้องการการกระตุ้น แม้คนอื่นจะบอกว่าไม่จำเป็น ไม่ต้องใช้เงินขนาดนี้ กระตุ้นแค่คนจนที่มีรายได้ต่ำจริงๆ ก็พอ …*…
จึงเป็นเรื่องที่ธนาคารแห่งประเทศไทยต้องออกมาเคลียร์ให้กระจ่างว่า สถานการณ์เศรษฐกิจบ้านเรากำลังวิกฤติหรือไม่อย่างไร และจริงไหมที่ผู้ว่าฯธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นฝ่ายสนับสนุนให้ออกพ.ร.บ.เงินกู้ตามที่นายกฯให้ข้อมูลกับสาธารณะ หากเป็นความจริง ก็ควรมีคำอธิบายด้วยว่าเพราะเหตุใด เนื่องด้วยดูเหมือนก่อนหน้านี้ ธนาคารแห่งประเทศไทยจะแสดงจุดยืนในลักษณะค่อนข้างเป็นกังวลกับนโยบายนี้มาตลอด อีกทั้งมีมุมมองเกี่ยวกับสถานการณ์เศรษฐกิจที่แตกต่างจากนายกฯ ดังปรากฏตามข่าวที่มีการนำเสนอผ่านสื่อต่างๆ อย่างแพร่หลาย …*…
“การฟื้นตัวเศรษฐกิจภาพรวมตอนนี้ตัวเลขโดยรวม แม้จะขยายตัวแค่ 1.8% ในไตรมาส 2/66 แต่การเติบโตที่ผ่านมาการบริโภคฟื้นตัวเติบโตได้ดี 2 ไตรมาสติดต่อกัน ซึ่งสิ่งที่ขาด คือ การลงทุนที่มีความจำเป็นต่อเศรษฐกิจไทย โดยภาพฟื้นตัวเศรษฐกิจ การกระตุ้นประเภทอื่นสำคัญกว่า” ข้อมูล ที่สังคมเคยได้รับทราบจากผู้ว่าฯธนาคารแห่งประเทศไทย และยังได้ให้ความเห็นไว้ด้วยว่า “นโยบายออกมาคือ ต้องไม่ทำลาย และไม่กระทบเสถียรภาพเยอะเกินไป ซึ่งเงินดิจิทัล 5.6 แสนล้านบาท ยังขาดความชัดเจน ถ้าออกมาเป็นดิจิทัลแอสเซ็ท ก็ได้พูดมาตลอดว่าไม่สนับสนุน เพราะจะเป็นตัวกลางชำระเงิน ไม่เอื้อเสถียรภาพ ถ้าเป็นอี-มันนี่ ก็เป็นรูปแบบที่มีอยู่ในระบบปัจจุบัน ที่ถ้าเป็นแบบนั้นต้องดูว่ากระตุ้นเศรษฐกิจ และมีผลกระทบการคลังอย่างไร” …*…
อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าแม้ในที่สุดพ.ร.บ.กู้เงินเพื่อนำมาใช้ในโครงการแจกดิจิทัล วอลเล็ต จะผ่านสภาฯมาได้ แต่ก็มีโอกาสสูงจะถูกสอยร่วงโดยศาลรัฐธรรมนูญ ที่อาจเป็น“ทางลง”ที่นายกฯ และพรรคเพื่อไทยกำลังรออยู่ก็เป็นได้ …*…
ที่มา:เจ้าพระยา (16/11/66)