เมื่อเวลา 16.30 น. วันที่ 15 พ.ย. (ตามเวลาท้องถิ่นนคร ซานฟรานซิสโก สหรัฐฯ ช้ากว่ากรุงเทพฯ 15 ชั่วโมง ) ที่โรงแรมเดอะริทซ์คาร์ลตัน นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง กล่าวถึงการพบกับผู้บริหาร TikTok ว่า ทางผู้บริหารเดินทางมาพบเอง ซึ่งไม่แปลกใจเพราะในประเทศไทย มีผู้ใช้งาน43 ล้านคน ถือว่าสูงมาก เพราะทุกคนนิยมลงใน TikTok จึงต้องมาดูว่าจะทำอย่างไรที่เราจะช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ทำให้เขาได้ประกอบธุรกิจที่ดี ขณะเดียวกันก็ช่วยเหลือประชาชนคนไทยด้วยเหมือนกัน เช่น เรื่องของโอท็อป
โดยตนบอกไปว่าประเทศไทยไม่ได้มีแค่เชียงใหม่ ภูเก็ต หรือ กรุงเทพฯแต่มีหลายจังหวัด และมีความต้องการการโปรโมทบริการ รวมถึงซอฟพาวเวอร์สินค้าไทย เรื่องคืออาหาร เนื่องจากหลายคนได้ใช้แพลตฟอร์มTikTok ลงคลิปทำอาหาร ที่เป็นคลิปสั้นๆสนุกสนาน ทำให้มีคนเขามาดูจำนวนมาก และขณะนี้เราได้ฝึกอบรมให้กับเจ้าของผลิตภัณฑ์ที่ผ่านการคัดเลือกและให้ทางTikTok เข้ามาช่วยฝึกหัด รวมถึงซอฟทาวเวอร์ด้านอื่นของไทย โดยขอให้มาสร้างศูนย์ฝึกอบรมในไทยเพื่อคำแนะนำในการเล่นโซเชียลมีเดียที่มีประสิทธิภาพสูง ขณะที่คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ)ได้เสนอสิทธิประโยชน์ด้านภาษีเพื่อจูงใจ ซึ่งทางTikTok ให้ความสนใจ
นายเศรษฐา กล่าวถึงการหารือกับผู้บริษัท Booking.com ว่า ตั้งแต่เราประกาศวีซ่าฟรีนักท่องเที่ยวจีน มีคนเข้ามาดูเว็บไซต์เพิ่มขึ้นถึง 7 เท่า แต่ยังไม่ดีพอ มองว่าสามารถทำให้เพิ่มการเข้าชมเว็บไซต์ได้มากกว่านั้น ทั้งนี้บริษัท Booking.com ก็เป็นเจ้าของ Agoda และมีพนักงานหลายพันคนเป็นคนไทย และอีกหลายส่วนเป็นชาวต่างชาติ ขณะเดียวกันเรามีการโปรโมทเรื่องการท่องเที่ยวและ ซอฟต์เพาเวอร์ โดยผู้บริหารบริษัท Booking.com ระบุว่าจะติดต่อไปยังผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เพื่อหาทางในการปรับภาพใหญ่ให้เกิดประโยชน์ทั้งสองทาง และเขาก็ดีใจที่ผู้นำระดับประเทศให้ความสำคัญ