เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน ที่ห้องประชุมสำนักงานทางหลวงที่ 10 นครราชสีมา (สนง.ทล.10 นม.) นายปกรณ์ ศรีปานวงศ์ ผู้อำนวยการ ทล.10 นม. จัดการประชุมหารือเพื่อเตรียมความพร้อมในการเปิดใช้ทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข 6 สายบางปะอิน-นครราชสีมา หรือมอเตอร์เวย์ (M 6) โดยมีผู้บริหารในสังกัด ทล.10 ผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและภาคเอกชนในพื้นที่โครงการประกอบด้วย อ.เมือง อ.ขามทะเลสอ อ.สูงเนิน อ.สีคิ้ว และ อ.ปากช่อง เข้าร่วมประชุมในระเบียบวาระนำเสนอรูปแบบการเปิดให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง,การอำนวยความสะดวกและความปลอดภัยการใช้รถใช้ถนนและจุดบริการประชาชน ฯ
นายชิตพล เหล่าอัน แขวงทางหลวงหลวงนครราชสีมาที่ 2 ชี้แจงการเปิดใช้เส้นทางมอเตอร์บางส่วน ทั้ง 2 ทิศทาง ขาขึ้นและขาล่อง รวมระยะทาง 77.493 กิโลเมตร เพื่อรองรับการจราจรและอำนวยความสะดวก ความปลอดภัยในการเดินทางสู่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งมีจำนวนยานพานะใช้เส้นทางผ่าน ช่วงปกติวันละ 5-6 หมื่นคัน ช่วงเทศกาลหรือวันหยุดยาว เพิ่มขึ้นเท่าตัวประมาณ 1-1.2 แสนคัน ข้อมูลหลังเปิดมาแล้ว 8 ครั้ง ซึ่งเปิดสลับเฉพาะขาเดียว มียานพานะใช้เส้นทางเฉลี่ยวันละ 25 % หากเปิดทั้ง 2 ทิศทาง คาดจะมีจำนวนมากกว่า 40 % กำหนดเปิดให้บริการช่วงปลายเดือนธันวาคม 66 และเปิดทดลองให้ใช้ต่อเนื่องจนโครงการแล้วเสร็จทั้ง 40 ตอน
ทั้งนี้มีจุดเข้า-ออก มอเตอร์เวย์ เริ่มที่ 1.ทางหลวงหมายเลข 2 ถ.มิตรภาพ หลัก กม.65 บริเวณหน้าศูนย์พักพิงสุนัขจรจัดนครชัยบุรินทร์อ.ปากช่อง 2.ทล.201 ถ.สีคิ้ว-ชัยภูมิ กม.5+500 จุดที่ 3 วงแหวนนครราชสีมา ทล.290 กม.14-775 อ.สูงเนิน จุดที่ 4 จุดตัด ทล.2068 อ.ขามทะเลสอ 5.จุดเชื่อมต่อ ทล.204 ถ.เลี่ยงเมืองนครราชสีมา โดยเปิดให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง กำหนดเฉพาะรถยนต์ 4 ล้อเท่านั้น ไม่มีสัญญาณไฟจราจรและจุดตัด ตลอดเส้นทางได้จัดตั้งจุดคัดกรอง ห้องน้ำชั่วคราวและจุดบริการประชาชน การจัดชุดช่วยเหลือกรณีเกิดเหตุฉุกเฉิน โดยห้ามจอดรถบนทางยกระดับและจำกัดความเร็ว 80 กม./ชม.
ภาพรวม M6 สายบางปะอิน-นครราชสีมา ระยะทาง 196 กม. วงเงิน 84,600 ล้านบาท งานโยธาแบ่งการก่อสร้างเป็น 40 ตอน ปัจจุบันก่อสร้างแล้วเสร็จ 28 ตอน อยู่ระหว่างการก่อสร้าง 12 ตอน ความคืบหน้า 95 % งานโยธาจะดำเนินการแล้วเสร็จในปีนี้คาดแล้วเสร็จตลอดสายทางในเดือน มิ.ย. 68 อนาคตจะเป็นเส้นทางยุทธศาสตร์สำคัญช่วยเติมเต็มโครงข่ายการคมนาคมขนส่งและโลจิสติกส์ เปิดประตูการค้าในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพิ่มความสะดวกสบาย รวดเร็วและปลอดภัยในการเดินทางพร้อมยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนให้ดียิ่งขึ้น