พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมด้วยกำลังตำรวจจาก บก.น.5 กทม. และกรมทางหลวง ร่วมบูรณาการตั้งจุดสุ่มตรวจชั่งน้ำหนักรถบรรทุก เพื่อป้องกันรถบรรทุกเกินพิกัดในเขตเมือง ที่บริเวณถนนสาทรใต้ ฝั่งตรงข้ามกับ บก.น.5 มุ่งหน้าไปสี่แยกสาทร-นราธิวาส 

โดยมีการใช้พื้นที่ 1 ช่องทางการจราจร ในการตั้งด่านสกัดเพื่อเรียกรถบรรทุกเกินพิกัดเข้ามาชั่งน้ำหนัก รวมทั้งมีการติดตั้งเครื่องชั่งน้ำหนักรถบรรทุกแบบเคลื่อนย้ายมาตรฐานของกรมทางหลวงเอาไว้เป็นการเฉพาะบนถนน ซึ่งเป็นไปตามมาตรการควบคุมเฝ้าระวังรถบรรทุกเกินพิกัดเข้ามาในกรุงเทพมหานคร 

ทั้งนี้ ได้มีการสุ่มตรวจรถบรรทุก 6 ล้อขนส่งเข้ามาตรวจชั่งน้ำหนัก ซึ่งไม่พบว่ามีน้ำหนักเกินพิกัดตามกฎหมายแต่อย่างใด ทางเจ้าหน้าที่จึงได้ปล่อยรถบรรทุกดังกล่าวออกไป 

โดย พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาการจราจรติดขัดในพื้นที่กรุงเทพมหานครและสืบเนื่องจากเหตุถนนทรุดที่พระโขนง ซึ่งสาเหตุหลักมาจากรถบรรทุกเกินพิกัด เรื่องนี้ตนในฐานะที่ดูแลงานด้านจราจร จึงได้เข้ามากำชับแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับรถบรรทุกเกินพิกัดโดยเฉพาะในพื้นที่กรุงเทพฯ ซึ่งยอมรับว่าที่ผ่านมา ตำรวจนครบาลไม่ได้มีการจับกุมรถบรรทุกเกินพิกัด เพราะเนื่องจากไม่มีอุปกรณ์เครื่องชั่งน้ำหนักเหมือนในต่างจังหวัดที่จะมีสถานีชั่งน้ำหนัก 

ในเรื่องนี้จึงได้มีการประสานขอความร่วมมือไปยังกรุงเทพมหานครและกรมทางหลวง ในการจัดซื้อ เครื่องชั่งน้ำหนักไว้ในแต่ละท้องที่และจะกำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรแต่ละท้องที่ เพิ่มความเข้มงวดในการตรวจตราและสกัดทั้งรถบรรทุกเกินพิกัด และรถบรรทุกที่วิ่งในเวลาที่ห้ามวิ่ง เพื่อช่วยบรรเทาการจราจร 

ซึ่งในวันนี้เป็นการทดลองมาตรการการตั้งจุดตรวจสกัดรถบรรทุกเกินพิกัด โดยนำร่องที่ถนนสาทรเป็นจุดแรก เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่มีโครงการก่อสร้างเป็นจำนวนมาก โดยผลการปฏิบัติงานในวันนี้ จากที่มีการตรวจรถบรรทุกไป 2 คัน ไม่พบว่ารถทั้ง 2 คันมีน้ำหนักเกินพิกัดแต่อย่างใด 

โดยหลังจากนี้ จะให้แต่ละท้องที่ตั้งจุดสุ่มตรวจในลักษณะแบบนี้ตามจุดต่าง ๆ ที่คาดว่ามีโครงการก่อสร้าง ซึ่งจุดมุ่งหมายหลักมิใช่เพื่อเป็นการดักจับรถบรรทุก แต่เป็นการกระตุ้นให้ผู้ประกอบการรถบรรทุกในพื้นที่ ตระหนักในเรื่องของการระวังไม่ให้บรรทุกน้ำหนักเกินพิกัด ซึ่งตั้งเป้าว่า จะดำเนินการตั้งจุดตรวจตามจุดที่มีพื้นที่ก่อสร้างต่าง ๆ ทุกสัปดาห์ สัปดาห์ละ 3 วัน 

รวมทั้งได้ขอความร่วมมือไปยังบรรดาผู้ประกอบการรถบรรทุกและผู้จัดการโครงการก่อสร้างต่าง ๆ ให้ช่วยกันตรวจตราและสกัดบรรดารถบรรทุกที่อาจจะมีการบรรทุกเกินพิกัด ซึ่งหากมีการแก้ไขปัญหาร่วมกันกับภาคเอกชน เชื่อว่าปัญหารถบรรทุกเกินพิกัดก็จะสามารถบรรเทาลงไปได้และจะช่วยให้การจราจรในกรุงเทพฯ ดีขึ้น เพราะหากพบว่ารถบรรทุกเกินพิกัด นอกจากคนขับรถจะมีความผิดแล้ว เจ้าของรถก็ย่อมมีความผิดด้วย และหากโครงการก่อสร้างมีส่วนรู้เห็น ก็จะต้องมีส่วนรับผิดเช่นเดียวกัน 

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ยังกล่าวอีกว่า ภายในสิ้นปีนี้จะพัฒนาระบบ Application สำหรับแจ้งปัญหาการจราจรหรืออุบัติเหตุต่าง ๆ บนท้องถนน ซึ่งจะเป็นการแจ้งมายังตนโดยตรงและตนจะดำเนินการสั่งการไปยังท้องที่ เพื่อเร่งแก้ไขปัญหาตามที่ประชาชนร้องเรียน ซึ่งสามารถแจ้งได้ทั่วประเทศตลอด 24 ชั่วโมง ส่วนปัญหาการจราจรได้อื่น ๆ เช่น เรื่องรถจอดกีดขวางการจราจร เรื่องนี้ตนได้สั่งการไปยังแต่ละท้องที่ให้เข้มงวดตรวจตราและเพิ่มการเฝ้าระวังให้ผู้ใช้รถใช้ถนนเคารพกฎจราจรมากขึ้น 

ทั้งนี้ในประเด็นเรื่องของสติ๊กเกอร์รถบรรทุกที่พระโขนง ซึ่งผลตรวจของตำรวจระบุว่า ไม่ใช่สติ๊กเกอร์ส่วย แต่สมาคมรถบรรทุกระบุว่า นี่คือสติ๊กเกอร์ส่วยนั้น พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่าตนไม่ได้มีอำนาจดูเรื่องนี้ เพราะเป็นเรื่องของคณะกรรมการที่ทางผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติดำเนินการแต่งตั้จสอบ