หนังสือพิมพ์สยามรัฐ ขายข่าวขายความจริงให้ประชาชนคนไทยได้อ่านมาอย่างต่อเนื่องยาวนานที่สุดในประเทศไทยฉบับนี้ ประจำวันพุธที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ.2566 ประชานิยม นำมาสู่ความล่มจมเศรษฐกิจของประเทศ …*…
เป็นนายกรัฐมนตรีมือใหม่หัดขับ หลังรับหน้าที่มาเพียงแค่สองเดือนเศษๆ ของ “เสี่ยนิด” นายเศรษฐา ทวีสิน ที่ขณะนี้บินไป ร่วมประชุมสุดยอดผู้นำเอเปก ที่ นครซานฟรานซิสโก สหรัฐอเมริกา และจะกลับคืนสู่มาตุภูมิ วันอาทิตย์ที่ 19 นี้ โดยมีภารกิจต่อเนื่อง บินไปเยือนสิงคโปร์ 1 คืน 2 วัน กลางสัปดาห์หน้า และตามด้วยภารกิจภายในประเทศหลายจังหวัด อาทิ เช่น จะไปเป็นประธานในงานประเพณีลอยกระทง วันจันทร์ที่ 27 พ.ย. ที่ จังหวัดสุโขทัย ประสา บารอน เห็นโปรแกรมเดินทางแล้วเหนื่อยแทน เป็นสิ่งเดียว ที่ ทั่นนายกฯนิด พูดแล้วทำได้สำเร็จ จะทำงานโดยไม่รู้จักเหน็ดจักเหนื่อย ...*...
แต่ที่ ทั่นนายกฯนิด ทำไม่ได้อย่างที่พูด คือ นโยบายประชานิยมแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ให้กับ ประชาชนทุกคน ที่มี อายุตั้งแต่ 16 ปี ขึ้นไป ยอดรวม 56 ล้านคน โดย จะใช้เงินงบประมาณแผ่นดิน 560,000 ล้านบาท ผ่านแอปพลิเคชั่นบล็อกเชน ซึ่ง ต้องเขียนขึ้นมาใหม่ ท่ามกลางเสียงคัดค้าน จาก นักวิชาการผู้รู้ทางด้านเศรษฐกิจ ระดับหัวกะทิของประเทศ เช่น ดร.วิรไท สันติประภพ และ นางธาริษา วัฒนเกศ สองอดีตผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ไม่เว้นแม้แต่ ดร.เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าแบงก์ชาติคนปัจจุบัน...*...
เหมือนสั่งสินค้าออนไลน์ แล้วได้สินค้าไม่ตรงปก ทั่นนายกฯนิด แถลงยืนยัน ก่อนหน้าสองวันที่จะบินไปสหรัฐอเมริกา ลดจำนวนคนแจกลงมา จาก 56 ล้านคน โดยใช้เงื่อนไข เงินเดือนไม่เกิน 70,000 บาท หรือ มีเงินฝากไม่เกิน 500,000 บาท จะทำให้ เหลือคนมีสิทธิ 50 ล้านคน โดย จะออกเป็น พ.ร.บ.เงินกู้ 500,000 ล้านบาท และ ใช้แอปกระเป๋าตังค์ ที่ จะปรับปรุงใหม่ เพื่อ ให้แจกเป็นเงินดิจิทัล แต่ไม่บอกเป็นเงินดิจิทัลตระกูลไหน...*...
ไปเอาอะไรมามั่นใจครับ ทั่นนายกฯนิด ครับว่า พ.ร.บ.กู้เงิน 500,000 ล้านบาท ทั่นนายกฯสามารถ ผลักดันให้ผ่านสภาฯ แสดงว่า ทั่นนายกฯยังรู้จักนักการเมืองไทยน้อยไป ยิ่งเป็น พ.ร.บ.การเงิน ถ้าไม่ผ่านสภาฯ มีเดิมพันสูงถึงขั้น ไม่ลาออก ก็ต้อง ยุบสภา สิ่งที่ ทั่นนายกฯนิด ต้องเจอ คือ เงื่อนไขการต่อรองของพรรคการเมืองร่วมรัฐบาล นี่ยัง ไม่พูดถึงอุปสรรคสำคัญ ที่ ต้องผ่านด่านวุฒิสภา ที่แสดง คัดค้านไม่เห็นด้วยกันหน้าสลอน ...*...
แต่ที่ บารอน ห่วงยิ่งกว่าคือ คำร้องเรียน ของ 2 นักร้องมืออาชีพ ได้แก่ นายศรีสุวรรณ จรรยา ไม่รอช้า ยื่นคำร้องต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน ให้ใช้อำนาจตามรัฐธรรมนูญ ส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย กรณี การออก พ.ร.บ.กู้เงิน 500,000 ล้านบาท ว่า จะขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ 2560 และ พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังของรัฐ 2561 หรือไม่ ...*...
และอีกหนึ่งคำร้อง ที่น่าจะเห็นผลเร็วกว่า คือคำร้องของ นายสนธิญา สวัสดี ไปยื่นคำร้องต่อ คณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. แล้วว่า การเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ไม่ตรงกับที่แจ้งไว้กับ กกต. เท่ากับ มีการเปลี่ยนแปลงเนื้อหา เป็นผลให้ ขัดต่อรัฐธรรมนูญ ซึ่งถือว่า เป็นคำร้องใหม่ ที่ กกต.สามารถพิจารณาได้ แม้ว่า จะเคยพิจารณายกคำร้องไปครั้งหนึ่งก่อนหน้านี้แล้วก็ตาม ...*...
ไม่รู้เป็นความคิดพิเรนทร์ๆของใคร เรื่องที่ จะเอาตำรวจจีนมาลาดตระเวนเมืองท่องเที่ยวไทย เพื่อ สร้างความมั่นใจให้นักท่องเที่ยวจีน งานนี้ เหมือนตบหน้าตำรวจไทยว่าไร้ฝีมือ บรรทัดนี้ บารอน ตบมือให้ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. ไม่เห็นด้วยกับการให้ตำรวจจีนเข้ามาดูแลนักท่องเที่ยวจีนในไทย เพราะ ละเมิดอำนาจอธิปไตยของไทย และยืนยัน ตำรวจไทยมีศักยภาพดูแลประชาชนและนักเที่ยวเพียงพอ ...*...
ร้อนถึง นายชัย วัชรงค์ โฆษกรัฐบาล ต้องออกมาชี้แจง เป็นความร่วมมือการทำงานร่วมกันของตำรวจสากลเป็นปกติอยู่แล้ว เพียงแต่ครั้งนี้ ต้องการให้มีความชัดเจนขึ้น เพื่อ ให้นักท่องเที่ยวจีนรู้สึกปลอดภัยและมีความเชื่อมั่นเป็นพิเศษ ...*...
แต่ที่ จะให้ตำรวจจีนมาเป็นผู้ช่วยในการปฏิบัติงานนั้น ที่นี่ บารอน ก็ว่า มันก็เกินไป และ ในทางปฏิบัติ ก็ ไม่สามารถทำได้อยู่แล้ว เนื่องจาก ไม่มีกฎหมายรองรับให้อำนาจตำรวจจีนมาปฏิบัติหน้าที่เป็นผู้ช่วยตำรวจไทย เหมือนเมื่อครั้ง ลุงตู่ ปฏิวัติใหม่ๆ ยังต้องออกคำสั่งหัวหน้าคณะปฏิวัติ ตามอำนาจรัฐถาธิปัตย์ในมือ ให้ทหารร่วมทำงานเป็นผู้ช่วยตำรวจรองรับ หาก จะให้ตำรวจจีนเป็นผู้ช่วยตำรวจไทย ก็ต้องให้รัฐสภาเขียนกฎหมายขึ้นมารองรับ เขียนแบบนี้ สร้างสรรค์ หรือ บิดเบือน ครับ ท่านโฆษกชัย วัชรงค์ ขอรับ ...*...
ที่มา:บารอน (15/11/66)