ยังเป็นปัญหาไม่จบ! สำหรับ "เงินดิจิทัล วอลเล็ต" ที่ทางพรรค "เพื่อไทย" ใช้เป็นนโยบายหาเสียงเมื่อคราว "เลือกตั้ง" วันที่ 14 พ.ค.66 ที่ผ่านมา โดยกำหนดให้เงินจำนวน 1 หมื่นบาท แก่ผู้ที่มีอายุ 16 ปีขึ้นไป ใช้จ่ายในพื้นที่สำมะโนครัว รัศมี 4 กิโลเมตร

ต่อมา ได้มีการปรับเปลี่ยนจะจ่ายหมื่นบาททุกคนตั้งแต่ 16 ปีขึ้นไป โดยมีเงื่อนไขต้องมีรายได้ ไม่เกิน 7 หมื่นบาท และเปลี่ยนจากใช้จ่ายในพื้นที่รัศมี 4 กิโลเมตร มาเป็นใช้ได้ในเขตอำเภอตามทะเบียนบ้าน ส่วนใครที่อดได้ รัฐก็จะมีโครงการปลอบใจ "e-Refund" หรือ อีรีฟันด์ ช็อป 10,000-50,000 บาท รับสิทธิลดหย่อนภาษี

"e-Refund" คืออะไร...? เป็นมาตราการที่ต่อยอดมาจากคนที่อกหักไม่ได้รับ "เงินดิจิทัล วอลเล็ต" 1 หมื่นบาท เป็นมาตรการลดหย่อน "ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา" สำหรับค่าซื้อสินค้าและบริการตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 50,000 บาท โดยมีเงื่อนไข ซื้อสินค้าจากร้านค้าที่อยู่ในฐานระบบภาษี ที่สามารถออกใบกำกับภาษีในรูปอิเล็กทรอนิกส์เท่านั้น

"ใครรสิทธิได้ใช้"...? ได้แก่ ผู้ที่ไม่ได้รับสิทธิ “เงินดิจิทัล 10,000” มีรายได้เกิน 70,000 บาทขึ้นไป หรือ มีเงินในบัญชีรวมกันตั้งแต่ 500,000 บาทขึ้นไป หรือมีรายได้น้อยกว่า 70,000 บาท แต่มีเงินฝากเกิน 500,000 บาท

สำหรับผู้เสียภาษี ต้องการที่จะใช้สิทธิ์ลดหย่อนเต็มที่ 50,000 บาท หากเป็นผู้ที่เสียภาษีอยู่อัตราสูงสุดที่ 35% ก็จะได้เงินคืนภาษีสูงสุดถึง 17,500 บาท แต่หากใช้สิทธิ์ลดหย่อนแค่ 10,000 บาท ก็จะได้คืนภาษี 3,500 บาท ขณะที่ผู้ที่เสียภาษีในอัตราต่ำสุดที่ 5% จะได้เงินคืนภาษีสูงสุด 2,500 บาท หากใช้สิทธิ์ลดหย่อนเต็มเพดานที่ 50,000 บาท และจะได้เงินคืน 500 บาท ทั้งนี้ "e-Refund" จะเริ่มตั้งแต่เดือน "มกราคม 2567" เป็นต้นไป

 


#eRefund #เงินดิจิทัลวอลเล็ต #อีรีฟันด์