ตร.เร่งล่ามือยิงครูเจี๊ยบชี้มีคนอยู่เบื้องหลัง

ผบช.น. ย้ำมีสัญญาณดี แกะรอยมือยิงครูเจี๊ยบ ด้าน ผู้การจ๋อ เผยผู้ก่อเหตุเผ่นหนีออกนอกพื้นที่กทม. พบวางแผนเป็นกลุ่ม มีคนอยู่เบื้องหลัง  ไม่ใช่ขัดแย้งส่วนตัว

 จากกรณีที่วัยรุ่นบุกยิงกลุ่มนักศึกษาชั้นปีที่ 1 มหาวิทยาลัยราชมงคลตะวันออก วิทยาเขตอุเทนถวาย บริเวณถนนสุนทรโกษา แขวงพระโขนง เขตคลองเตย กรุงเทพมหานคร เป็นเหตุให้ น.ส.ศิรดา หรือครูเจี๊ยบ สินประเสริฐ อายุ 45 ปี ครูสอนวิชาคอมพิวเตอร์ระดับชั้น ม.ต้น ของโรงเรียนพระหฤทัยคอนแวนต์ ถูกกระสุนลูกหลงจนเสียชีวิต และมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 1 ราย ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น

     ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) เมื่อวันที่ 14 พ.ย.66 พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. กล่าวถึงความคืบหน้าในคดีวัยรุ่นก่อเหตุยิงนักศึกษาต่างสถาบันบาดเจ็บสาหัส และน.ส.ศิรดา หรือครูเจี๊ยบ อยู่ในที่เกิดเหตุเสียชีวิต โดยยืนยัน ว่า การสืบสวนสอบสวนมีสัญญาณที่ดี ซึ่งขณะนี้ตำรวจชุดสืบสวนอยู่ระหว่างเร่งแกะรอย เพื่อติดตามจับตัวผู้ก่อเหตุ และผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมดให้ได้โดยเร็ว

     พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. กล่าวถึงความคืบหน้าในการติดตามตัวผู้ก่อเหตุว่า ขณะนี้พบว่าทั้งสองคนได้หลบหนีออกนอกพื้นที่กรุงเทพมหานครไปแล้ว แต่ตำรวจชุดสืบสวนกำลังเร่งติดตาม ขอให้เชื่อมั่นว่าจะมีข่าวดี ส่วนแผนประทุษกรรมของผู้ก่อเหตุ พบว่ามีการวางแผนมาเป็นอย่างดี และมีผู้เกี่ยวข้องมากกว่าสองคน เป็นลักษณะรวมกลุ่มวางแผน อย่างป้ายทะเบียนรถจักรยานยนต์คันที่ใช้ก่อเหตุ พบว่าเป็นการลักขโมยมา ซึ่งมีเจ้าทุกข์แจ้งความร้องทุกข์เอาไว้ในพื้นที่ สน.ดินแดง และหลังก่อเหตุมีการเปลี่ยนเครื่องแต่งกายที่สวมใส่ และมีการเปลี่ยนสีรถจักรยานยนต์คันที่ใช้ก่อเหตุ เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจสอบติดตามของเจ้าหน้าที่ และกระบวนการทั้งหมดมีผู้อยู่เบื้องหลังคอยให้ความช่วยเหลือ โดยอยู่ระหว่างพิสูจน์ทราบว่าเป็นศิษย์เก่าหรือศิษย์ปัจจุบันที่เรียนร่วมสถาบันเดียวกัน
     พล.ต.ต.ธีรเดช กล่าวว่า มูลเหตุในครั้งนี้เป็นลักษณะค่านิยมของคนเฉพาะกลุ่มที่รวมตัวกันขึ้นมา เพื่อก่อเหตุกับคู่อริต่างสถาบันกัน ซึ่งในคดีนี้ผู้ก่อเหตุและผู้ถูกยิงไม่ได้มีความขัดแย้งส่วนตัวกัน

     ส่วน พ.ต.อ.วิทวัฒน์ ชินคำ ผบก.น.5 กล่าวว่า ได้ประสานขอข้อมูลของผู้ก่อเหตุไปยังสถาบันของผู้ก่อเหตุแล้ว เบื้องต้นสถาบันให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ซึ่งได้ข้อมูลมาพอสมควร และยังไม่มีแผนที่จะเข้าตรวจค้นหาสิ่งผิดกฎหมาย หรืออาวุธภายในสถาบันของผู้ก่อเหตุ