ส่วยเมืองกรุง! เศรษฐา ยอมรับยังมีอยู่ เตรียมเพิ่มโทษรถบรรทุกน้ำหนักเกิน ลั่นยอมรับไม่ได้ คนลักลอบหมูเถื่อน ต้องกำจัดให้สิ้นซาก ชี้เป็นภัยสังคม บอกเกรี้ยวกราดเพราะแก้ปัญหา

    
 ที่โรงแรมเดอะริทซ์ คาร์ลตัน เมืองซานฟรานซิสโก ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 14 พ.ย.66 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีการตั้งข้อสังเกตเรื่องส่วยรถบรรทุกกลับมาอีกครั้ง ว่า เรื่องของส่วยและส่วยทางหลวงที่ดำเนินการไปแล้ว ได้คุยกับ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ทราบว่าที่จริงหายไปแล้วประมาณ 80% แต่ยังมีบางส่วนที่เหลืออยู่บ้าง ในกรุงเทพฯ ยอมรับว่ายังมีอยู่บ้าง แต่เนื่องด้วยด่านชั่งน้ำหนักในกรุงเทพฯมีน้อยต้องมีการจัดการกันไป ต้องมีการชั่งน้ำหนักซึ่งได้กำชับไปแล้ว
    
 ผู้สื่อข่าวถามว่า มีกรอบระยะเวลาดำเนินการและการคาดโทษเรื่องนี้อย่างไร นายเศรษฐา กล่าวว่า จะมีการพูดคุยกันโดยจะต้องแลกเปลี่ยนข้อมูลกันระหว่างสายด่วนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติและกรมขนส่งทางบก กระทรวงคมนาคม จะต้องแลกเปลี่ยนข้อมูลและจัดการกันไป ยืนยันเรื่องนี้ต้องดีขึ้นแน่นอน
     
นอกจากนี้ต้องปรับเรื่องกฎกติกาหลายอย่างทั้งอัตราการปรับให้สูงขึ้นจากปกติที่มีขีดจำกัดว่าจะจำกัดได้เท่าไร ต้องไปพิจารณากฎหมายให้ปรับได้เยอะขึ้นถ้ามีการบรรทุกน้ำหนักเกินหรืออาจไปถึงขนาดต้องยึดรถไว้ก่อนถ้าบรรทุกน้ำหนักเกิน ต้องเพิ่มมาตรการคาดโทษตรงนี้ ก็เชื่อว่ารถที่บรรทุกน้ำหนักเกินก็จะค่อยๆดีขึ้น
    
 นายเศรษฐา ยังกล่าวถึงการแก้ปัญหาหมูเถื่อนที่มีความล่าช้าจะมีการคาดโทษหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้ง กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ว่า อย่าไปเรียกว่าการคาดโทษดีกว่า เพราะต้องเข้าใจว่าเจ้าหน้าที่มีงานเยอะ แต่ต้องอย่าลืมว่ามีการจับกุมหมูเถื่อนมานาน และขบวนการทำลายหมูเถื่อนมีมานานแล้ว โดยพบว่าผู้กระทำผิดมีประมาณ 10-11 ราย เริ่มมีการตรวจสอบไปแล้ว เพราะขนาดของความผิดมันใหญ่ จึงต้องส่งไปดีเอสไอ โดยอธิบดีดีเอสไอได้สั่งการไปเมื่อ 2 สัปดาห์ที่แล้ว แต่มีความล่าช้า ที่ผ่านมามีผู้ประกอบการขนาดกลาง และขนาดย่อยได้รับผลกระทบจากช่วงที่มีหมูเถื่อนเข้ามาจำนวนมาก จนเกือบล้มเลิกกิจการ ซึ่งตนมีหน้าที่ไปติดตาม เพราะหากสาวไปไม่ถึงรายใหญ่เหตุการณ์จะเกิดขึ้นอีก และเมื่อสังคมลืมก็จะเกิดขึ้นอีก ดังนั้นเรื่องนี้ต้องกำจัดให้สิ้นซากเพราะเป็นภัยของสังคมจริงๆ
    
 เมื่อถามว่า นายกฯ กังวลหรือไม่ เมื่อมีภาพการหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในลักษณะเกรี้ยวกราด นายกฯ กล่าวด้วยสีหน้าจริงจังว่า ตนยอมรับว่าสั่งการเรื่องหมูเถื่อนให้รวดเร็วจริง ซึ่งตนได้เห็นภาพข่าวในการประชุมที่สนามบินสุวรรณภูมิ แต่ตนมีหน้าที่ หากประเทศชาติมีปัญหาและไม่ถูกบริหารจัดการ ขอให้ดูที่ผลงานเป็นหลัก ตนอยากจะจัดการกับผู้กระทำผิด ซึ่งเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่รัฐที่ต้องจัดการเรื่องนี้ให้รวดเร็วที่สุด เพราะคนที่เดือดร้อนไม่ได้มีพื้นที่หน้าสื่อที่จะมาพูดเรื่องดังกล่าวได้ และขอให้ลงไปดูว่าผู้ประกอบการหมูรายย่อยได้รับความเสียหายในเรื่องนี้แค่ไหน เรื่องนี้เรายอมไม่ได้ คนทำผิดจะต้องถูกจับมาลงโทษ และกำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องนั่นคือความตั้งใจ