นายภิญโญ 46 ปี หรือจิงจุ้ง ชะชะช่า นักแสดงตลกและเป็นพ่อของ ปลื้ม 5G ซึ่งเป็นหนึ่งในเพื่อนกลุ่มรามคำแหง 60 ที่เป็นกลุ่มอริก่อเหตุยิงเยาวชนวัย 15 ปี กลุ่มพัฒนาการ 53 เสียชีวิต เปิดใจกับสื่อมวลชนหลังจากเกิดคดีนี้ว่า ตนเพิ่งทราบข่าวจากพี่ชายของนายปลื้มเมื่อคืนประมาณสองทุ่มว่า ปลื้มถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจคุมตัวไปที่ สน.ประเวศ ทำให้ตนกังวลใจและนอนไม่หลับ ตนพยายามที่จะโทรและส่งข้อความบอกลูกว่า มีอะไรให้พูดความจริงกับตำรวจ
โดยในคืนวันเกิดเหตุ ลูกชายต้องตามไปเล่นคอนเสิร์ตกับศิลปินลูกทุ่งชื่อดังคนหนึ่งที่จังหวัดเชียงใหม่ แต่ภายหลังลูกแจ้งมาว่า ขอไปซื้อเสื้อมือสองที่ตลาดแห่งหนึ่งแถวนวมินทร์เพื่อนำมาขายออนไลน์ในคืนนั้น ตนก็อนุญาต จึงเข้าใจว่า คืนนั้นลูกน่าจะอยู่ที่ตลาดดังกล่าว คาดว่าพอกลุ่มเพื่อนของลูกมีเรื่องเกิดขึ้นกับกลุ่มวัยรุ่นพัฒนาการ 53 จึงมีการโทรชวนให้ปลื้มไปหาเพราะมีเรื่อง
หลังจากที่ลูกชายตนเองเข้าให้ปากคำกับตำรวจ สภาพจิตใจของลูกชายตนเองย่ำแย่มากและอยู่ในอาการที่หวาดกลัวตกใจ เพราะเป็นครั้งแรกที่เขาถูกตำรวจเรียกสอบ โดยนายภิญโญได้กล่าวทั้งน้ำตาว่า เมื่อลูกชายกลับมาถึงบ้านตอนประมาณเที่ยงคืน ก็คลานเข่าเข้ามาก้มกราบที่แทบเท้าและกอดขาตน พูดสำนึกผิดว่า "พ่อปลื้มขอโทษ ปลื้มไม่น่าไปหาเพื่อนในคืนนั้นเลย" ในฐานะคนเป็นพ่อก็รู้สึกเจ็บปวดไม่ต่างจากลูกและนี่เป็นครั้งแรกที่ลูกชายคลานเข่ามากราบขอโทษตน ปกติลูกชายจะกราบตนในวันพ่อวันแม่เท่านั้น
ซึ่งตนเองก็เข้าใจความรู้สึกของลูก เมื่อคืนตนก็ไม่ได้ด่าลูก แต่ได้พูดสอนเตือนสติลูกว่า ให้จดจำไว้เป็นบทเรียนและคิดเอาเอง ขนาดคนอื่นยังเอาตัวรอด ต่างคนต่างทิ้งหนีกันไป ไม่มีใครช่วยรักเราจริงและขอให้ลูกคิดทบทวนการคบหากับเพื่อนกลุ่มนี้ใหม่ว่า จะยังคบกับเพื่อนกลุ่มนี้ต่อไปหรือไม่ เพราะคบไปก็มีภัยสู่ตนเอง
นายภิญโญ กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมาลูกชายของตนเอง เป็นคนเฮฮาร่าเริง ซึ่งเมื่อคืนนี้ ลูกชายของตนเองเปลี่ยนไปเป็นคนละคน แต่ยอมรับว่าที่ผ่านมาลูกชายของตนเองก็เคยมีเรื่องมีราวกับเพื่อน ๆ บ้างตามประสาลูกผู้ชายวัยรุ่น แต่ส่วนใหญ่จะเป็นการชกต่อย กันตามปกติ ไม่เคยใช้อาวุธ และบางทีถ้าลูกชายตนสู้ไม่ไหว ก็จะยอมยกมือขอโทษ
นายภิญโญยกมือร้องขอสังคมทั้งน้ำตาว่า ขอให้สงสารลูกชายตนเองกับครอบครัว อย่าเพิ่งตัดสินหรือเชื่อว่าลูกชายของตนเป็นหัวโจก ทั้ง ๆ ที่ลูกชายตนอายุ 15 ย่าง 16 ปี จะไปเป็นหัวหน้าแก๊งได้อย่างไร อีกทั้งปกติแล้วบ้านของปลื้มอยู่ที่ปทุมธานี แต่มาอาศัยอยู่กับตนย่านรามคำแหงเพื่อเรียนหนังสือบริเวณนี้และไม่ได้คลุกคลีกับกลุ่มแก๊งรามคำแหง 60 มากเท่าที่ควร จึงขอวิงวอนสังคมว่าอย่าตัดสินลูกชายตนเองว่าเป็นหัวโจก ลูกชายตนกำลังเด็กอยู่ ขอให้สงสารความรู้สึกของเด็กด้วย ที่ผ่านมาตนเป็นพ่อเลี้ยงเดี่ยวเลี้ยงลูกชายคนนี้มาด้วยมือของตนเอง ขอให้สังคมแคร์ความรู้สึกของตนด้วยและขอว่าอย่านำศิลปินคนดังที่ปรากฏในข่าวมาเกี่ยวข้องเพราะเขาไม่รู้เรื่องอะไรกับเหตุการณ์ครั้งนี้
อีกทั้งร้องขอให้สำนักข่าวต่าง ๆ ช่วยนำเสนอข้อเท็จจริงอีกด้านจากฝั่งของตนเองด้วย เพราะข่าวที่นำเสนอออกไปก่อนหน้านี้ ทำให้ลูกชายตนเองได้รับความเสียหายและเสี่ยงที่จะถูกเลิกจ้างงานร้องเพลง เพราะลูกชายของตนเองนั้นมีพรสวรรค์ด้านดนตรีอย่างมากและการทำงานของเขาก็เป็นการเลี้ยงปากเลี้ยงท้องตัวเขาเอง ตนก็ไม่อยากให้ลูกชายเสียอนาคตจากเหตุการณ์ครั้งนี้
ส่วนตัวแก๊งรามคำแหง 60 นั้นตนไม่เคยเจอหน้าและรู้จักมาก่อน ซึ่งลูกชายก็ไม่เคยเล่าให้ตนฟังเกี่ยวกับเพื่อนกลุ่มนี้ แต่คาดว่าที่ลูกรู้จักกับแก๊งนี้นั้นเนื่องจากลูกชายเรียนอยู่ที่โรงเรียนย่านรามคำแหงจึงน่าจะรู้จักกับเพื่อนกลุ่มนี้แบบต่อ ๆ กัน เลยไม่รู้นิสัยใจคอหรือพฤติกรรมของแก๊งรามคำแหง 60 แต่อย่างใด
พร้อมกันนี้ ตนขอกราบขอโทษแทนลูกชายไปยังครอบครัวของผู้เสียชีวิตในสิ่งที่เกิดขึ้น ไม่มีใครอยากให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น ซึ่งตนก็เข้าใจหัวอกครอบครัวผู้เสียชีวิตเป็นอย่างดีว่า หากเกิดเหตุการณ์แบบนี้กับลูกชายของตนเอง จะทำเช่นไร รวมทั้งฝากถึงผู้ก่อเหตุว่าขอให้เป็นลูกผู้ชายออกมายอมรับผิด และออกมามอบตัวต่อสู้คดี ไม่ใช่โยนภาระให้คนอื่นต้องมารับกรรมเช่นนี้
ด้านปลื้ม 5G ออกมาให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ชี้แจงแก่สื่อมวลชนว่า ตนเคยถูกฝั่งแก๊งพัฒนาการ 53 ไล่ยิงมาก่อนหน้านี้แถวรามคำแหง 60 เพราะพวกนั้นเห็นตนอยู่แถวนั้น เลยขี่ไล่ยิงจนตนต้องปาระเบิดตอบโต้แล้วบิดมอเตอร์ไซต์หนีไป ทำให้ฝั่งแก๊งค์พัฒนาการ 53 มีการโทรมาเยาะเย้ยตนว่า ทำไมหนีไวจัง ทำให้ในคืนวันเกิดเหตุ ฝั่งแก๊งพัฒนาการ 53 ได้โทรมานัดให้พวกตนไปมีเรื่องอีกครั้ง ซึ่งฝั่งตนด้วยความที่เป็นวัยรุ่นคึกคะนอง ก็ยอมรับว่าได้โทรยั่วยุตอบกลับไป แต่ก็ไม่คาดคิดว่าในคืนนั้น จะมีการใช้อาวุธปืนกัน เพราะฝั่งแก๊งค์พัฒนาการได้ปาระเบิดและยิงปืนใส่ตนก่อนประมาณ 3-4 นัด คาดว่าฝั่งนู้นมีปืนไม่ต่ำกว่า 2 กระบอก
ส่วนที่ฝั่งแก๊งพัฒนาการ 53 ที่อ้างว่า น่าจะเป็นการแก้แค้นแทนลูกพี่ใหญ่ของแก๊งรามคำแหง 60 ที่ถูกจับเข้าคุกไปก่อนหน้านี้นั้น ปลื้ม 5G กล่าวว่า ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ เพราะที่ทะเลาะวิวาทกันล่าสุด ก็มาจากเรื่องที่กลุ่มพัฒนาการ 53 มีการไล่ยิงปืนใส่พวกตนก่อนหน้านี้
ปลื้ม 5g กล่าวอีกว่า สาเหตุที่ทะเลาะวิวาทกันทั้ง 2 กลุ่มนั้น ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องของสถาบันการศึกษาแต่อย่างใด และตนก็ไม่ทราบสาเหตุที่แท้จริงของความบาดหมางที่เกิดขึ้น รู้แค่ว่ารุ่นพี่ในกลุ่มมีปัญหากับฝั่งพัฒนาการ 53 มาก่อนและถูกแก๊งฝั่งตรงข้ามจ้องจะเล่นงานตนมาโดยตลอด เพราะมองว่าตนเป็นคนมีชื่อเสียง
สำหรับเหตุการณ์ในคืนวันเกิดเหตุ ตนไม่ทราบว่าใครเป็นคนยิง เพราะคืนนั้นชุลมุนอย่างมาก ซึ่งตนก็ได้ขี่มอเตอร์ไซค์หนีออกมาก่อน มีเพื่อนฝั่งตนถูกมีดฟันด้วย หันออกมาอีกทีก็เห็นว่ามีการยิงกัน และเยาวชนอายุ 15 ปีคนนั้นก็ถูกยิงเสียชีวิต โดยที่ตนก็ไม่เคยรู้จักกับเยาวชนผู้เสียชีวิตเป็นการส่วนตัวมาก่อน คืนนั้นฝั่งตนมากันประมาณ 20 กว่าคน ส่วนฝั่งแก๊งพัฒนาการ 53 มามอเตอร์ไซค์ประมาณ 10 กว่าคัน คาดว่าน่าจะประมาณ 40-50 คน
ส่วนคนชื่อเกียร์ที่ทางตำรวจตั้งข้อสงสัยว่าเป็นผู้ยิงปืนนั้น ปลื้มยอมรับว่ารู้จักกันเพราะเป็นเพื่อนกัน แต่ไม่รู้ว่าในคืนนั้นเขาพกอาวุธปืนไปด้วย เห็นแค่ว่าเขามีการยิงปืนสวนกลับไปนัดนึง ไม่รู้ว่าจะถูกผู้เสียชีวิตหรือเปล่า ส่วนกลุ่มเพื่อนของตนเองนั้น ตนไม่รู้ว่าพวกเขาไปเจออะไรมาบ้าง ปกติตนเป็นคนเลือกคบเพื่อนอยู่แล้ว ใครมีเรื่องอะไรปกติตนก็ไม่เคยไปยุ่ง เพราะมีงานมีการต้องทำ แต่ในคืนนั้นที่ตนต้องออกไป เพราะต้องการจะเล่นงานคนที่เคยมาไล่ยิงตน ซึ่งยืนยันว่าหลังจากนี้ จะไม่มีการไปไล่ล้างแค้นกลุ่มฝั่งพัฒนาการ 53 อีกต่อไป ปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย
ทั้งนี้ปลื้มยอมรับว่า ที่ผ่านมาพ่อเคยเตือนตนมาตลอดว่าอย่ามีพฤติกรรมเกเร ตนไม่เคยหาเรื่องใครก่อน มีแต่คนอื่นมาหาเรื่องตนก่อน ซึ่งตั้งแต่หลังเกิดเหตุเป็นต้นมา ตนรู้สึกคิดหนักและเป็นห่วงทั้งครอบครัวและเรื่องงาน เลยอยากจะขอโทษไปยังครอบครัวของผู้เสียชีวิตและศิลปินลูกทุ่งที่ต้องมาตกเป็นข่าวจากเหตุการณ์ครั้งนี้
พร้อมกันนี้ ปลื้มยังกล่าวขอโทษพ่อตนเองในสิ่งที่ทำลงไป ตนไม่ได้ทำลงไปเพราะอยากจะโชว์เก่ง แต่ที่ทำลงไปเพราะตนเป็นคนสู้คน ตนไม่เคยมีเรื่องกับใครก่อน มีแต่คนอื่นมาหาเรื่องตน ถ้าเราไม่ฟันเขา เขาก็มาฟันเรา ถ้าเราไม่มายิงเขา เขาก็มายิงเรา ซึ่งในระหว่างที่ปลื้มพูดขอโทษพ่อของตนเองนั้น จิงจุ้ง ชะชะช่า พ่อบังเกิดเกล้าที่ฟังอยู่ก็ได้ร้องไห้ออกมา