SABINA รายงานผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2566 (กรกฎาคมถึงกันยายน) เผยกำไรสุทธิอยู่ที่ 118.9 ล้านบาท โดยเป็นกำไรสุทธิรายไตรมาสที่สูงสุดเป็นประวัติการณ์ และเป็นการเติบโตจากช่วงเดียวกันของปี 2565 คิดเป็น 18.6% ขณะที่รายได้รวมในไตรมาส 3 ปี 2566 อยู่ที่ 852.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.1% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน โดยอัตรากำไรสุทธิ (NPM : Net Profit Margin) อยู่ที่ 13.9% ซึ่งเป็นระดับที่สะท้อนความสามารถในการรักษาการเติบโตของกำไรไว้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยกลยุทธ์การบริหารจัดการที่เหมาะสม เผยปัจจัยสนับสนุนสำคัญมาจากรายได้ช่องทางขายออนไลน์ที่ขยายตัวถึง 56.7% ทั้งจากแคมเปญ 9.9 และการรุกทำตลาดอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ ลุ้นเมกะแคมเปญ 11.11 ดันรายได้ทั้งปีโตเกินเป้า
นางสาวดวงดาว มหะนาวานนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซาบีน่า จำกัด (มหาชน) หรือ SABINA ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายชุดชั้นในแบรนด์ “ซาบีน่า” เปิดเผยว่า กำไรสุทธิในไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ ซึ่งอยู่ที่ 118.9 ล้านบาทนั้น เป็นกำไรสุทธิรายไตรมาสที่สูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ จากที่บริษัทฯ เคยทำได้ที่ระดับ 117 ล้านบาท ทั้งในไตรมาสที่ 3 ของปี 2562 ก่อนเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 และในไตรมาสแรกของปีนี้ โดยรายได้รวมในไตรมาสที่ 3 ของปีนี้อยู่ที่ 852.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้วคิดเป็น 9.1%
สำหรับปัจจัยสนับสนุนสำคัญมาจากยอดขายในช่องทางออนไลน์ (NSR : Non Store Retailing) ในไตรมาสที่ 3 ที่เติบโตถึง 56.7% ขณะที่ช่องทางค้าปลีก (Retail) ซึ่งเป็นช่องทางขายในประเทศยังคงมีการเติบโต แต่เติบโตลดลง 1.7% เนื่องจากมีการปรับเปลี่ยนช่องทางขายตามสภาพตลาดที่เปลี่ยนไป และแม้ปริมาณนักท่องเที่ยวจะเพิ่มขึ้น แต่การขยายตัวของเศรษฐกิจในลักษณะค่อยเป็นค่อยไป ส่งผลให้การบริโภคในประเทศชะลอตัว ส่วนช่องทางรับจ้างผลิต (OEM) ชะลอลงตามภาพรวมเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจของลูกค้าในยุโรป แต่มีแนวโน้มดีขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า
ส่วนผลประกอบการงวด 9 เดือน (มกราคมถึงกันยายน) บริษัทฯ มีรายได้รวม 2,579.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.7% และมีกำไรสุทธิ 349.0 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 12.2% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2565
“กำไรสุทธิรายไตรมาสที่สูงสุดเป็นประวัติการณ์ นอกจากสะท้อนว่า เราสามารถกลับมามีผลงานได้ดีกว่าช่วงที่เกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 แล้ว ยังสะท้อนถึงการบริหารจัดการที่มีคุณภาพและเหมาะสม โดยเฉพาะการบริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ ตั้งแต่กระบวนการผลิต รวมถึงการขาย ที่เน้นขายผ่านช่องทางออนไลน์ (NSR) รวมถึงกลยุทธ์การขายแบบไม่ต้องสต็อกสินค้าหน้าร้านจำนวนมาก แต่ใช้กระบวนการสั่งซื้อและจัดส่งที่มีประสิทธิภาพ ทำให้เราสามารถบริหารต้นทุนได้เป็นอย่างดี และรักษาความสามารถในการทำกำไรไว้ได้ตามเป้าหมาย โดยจะเห็นได้จากอัตรากำไรสุทธิ (NPM) ในไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ซึ่งอยู่ที่ 13.9%” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SABINA กล่าว
ขณะเดียวกัน ในไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ SABINA ยังได้รับปัจจัยสนับสนุนจากมหกรรมช้อปปิ้ง 9.9 ที่สามารถครองอันดับหนึ่งแบรนด์ในกลุ่มสินค้าแฟชั่น ด้วยการสร้างยอดขายสูงสุดบนแพลตฟอร์มช้อปปิ้งออนไลน์ชั้นนำ ทั้งช้อปปี้และลาซาด้า การันตีด้วยรางวัล Consumer Choice จาก Shopee Partner Awards 2023 และรางวัลแบรนด์ที่มียอดขายโดดเด่น LazMall Local Superstar Award จากลาซาด้า กรุ๊ป ในงาน LazMall Brands Future Forum (BFF) 2023 ตอกย้ำความสำเร็จในการขายผ่านช่องออนไลน์ของ SABINA ได้เป็นอย่างดี
ทั้งนี้ SABINA ยังคงตั้งเป้าหมายการเติบโตในปีนี้ไว้ที่ 10-15% ซึ่งมั่นใจว่าจะเป็นไปได้อย่างแน่นอน และมีโอกาสที่จะเกินกว่าเป้าหมายที่วางไว้ ด้วยบรรยากาศที่เอื้ออำนวยโดยเฉพาะในช่วงโค้งสุดท้ายปลายปี ที่ยังมีเมกะแคมเปญ 11.11 ซึ่งเป็นแคมเปญใหญ่ในไตรมาสสุดท้ายของปีรออยู่ และเชื่อว่า SABINA จะเป็นแบรนด์ในกลุ่มแฟชั่นที่ทำยอดขายได้สูงสุดอีกครั้ง ขณะเดียวกัน ในปลายปีนี้ SABINA ยังมีคอลเลคชั่นใหม่ที่รอเปิดตัว ซึ่งมั่นใจว่า จะเป็นสินค้าที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า ที่จะออกมารองรับกับช่วงเทศกาลแห่งการเฉลิมฉลอง รวมถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการจับจ่ายใช้สอยของภาครัฐ ซึ่งจะเป็นปัจจัยหนุนที่สำคัญในช่วงปลายปีอีกด้วย
--