เมื่อวันที่ 14 พ.ย.66 นายสมชัย ศรีสุทธิยากร โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว สมชัย ศรีสุทธิยากร ระบุว่า...
ระวังเงินดิจิทัล จะเป็นเงินที่ทุกคนผลักออกจากตัวให้เร็วที่สุด
ฟังการขยายความของฝั่งรัฐบาลว่า เงินดิจิทัลจะหมุนอยู่ระบบเศรษฐกิจยาวนานถึง 3 ปี โดยจะเริ่มโครงการเดือนพฤษภาคม 2567 และเสร็จสิ้นโครงการ เมษายน 2570
การใช้รอบที่หนึ่ง โดยคน 50 ล้าน จะต้องใช้ภายในเวลา 6 เดือน คือ สิ้นสุด พฤศจิกายน 2567 จากนั้นเงินจะหมุนไปอีกหลายต่อหลายรอบ ทุกรอบคือการเพิ่ม GDP. และเป็นรายได้ของรัฐทีละ 7% ผ่านทาง VAT ตราบเท่าที่คนยังถือเงินดิจิทัล และไม่มาแลกเป็นเงินจากรัฐ
รัฐจึงยังไม่จำเป็นต้องกู้ แม้พ.ร.บ.เงินกู้จะผ่านสภา ค่อยไปกู้เมื่อตอนมีคนจะมาแลก และอาจทยอยกู้ทีละก้อน ให้พอแลกในแต่ละปี
แต่เคยคิดมุมที่ว่า ทุกคนที่ถือเงินดิจิทัล จะรีบผลักเงินออกจากตัวไหม
ชาวบ้านได้มา 10,000 ก็จะต้องรีบใช้ใน 6 เดือน เพราะรัฐกำหนดว่า ไม่ใช้เงินจะหายวับ แล้วใครจะรอให้หาย
พ่อค้าที่รับเงินดิจิทัลไป เขาก็คงไม่ใจเย็นเก็บไว้แลกรัฐบาลในปีที่ 2 หรือปีที่ 3 ได้มาเขาก็รีบขึ้นเงิน เพราะเขามีต้นทุนที่ต้องลงทุน จะถือเงินในอากาศที่ไม่มีดอกเบี้ยไว้ทำไม
พอเงินดิจิทัลถึงร้านค้าในระบบภาษี เขาก็จะรีบแลกจากรัฐทันที ไม่มีใครคิดเก็บเงินดิจิทัล ที่เป็นตัวเลขในโทรศัพท์ไว้ด้วยความอุ่นใจแน่
ภาวะผลักเงินดิจิทัลออกจากตัว อาจทำให้ เงินหมุนแค่รอบหรือสองรอบเท่านั้น และภาษีที่ได้ คือ 7% ของ 500,000 ล้าน หรือ แค่ 35,000 ล้านบาท ไม่ใช่เป็น 100,000 ล้านบาทอย่างที่บางคนฝัน
ที่สำคัญ คือ หากรัฐยังใจเย็น ไม่เตรียมกู้เงินทั้ง 500,000 ล้าน โดยคิดว่า คนจะมาทยอยแลก
ถึงเวลาเดือน พฤศจิกายน 2567 เขามาแลกพร้อมกันทั้งหมดแล้วไม่มีเงินให้เขา
นึกถึงรอยยิ้มและท่าไหว้ที่สวยงามของนายกเศรษฐาเลยครับ
สมชัย ศรีสุทธิยากร
13 พฤศจิกายน 2566