วันที่ 13 พฤศจิกายน 2566 ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสนธิญา สวัสดี อดีตที่ปรึกษากรรมาธิการ การกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร ยื่นหนังสือต่อ กกต.เพื่อทวงถามกรณีที่ กกต.อนุมัตินโยบายแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต 1 หมื่นบาท
จากนั้น นายสนธิญา เปิดเผนว่า วันนี้ตนไม่ได้มาร้องพรรคเพื่อไทย หรือพรรคการเมืองใดๆ แต่มาร้อง กกต.เพื่อพิจารณา และวินิจฉัยเพื่อตอบคำถามของตนในกรณีนโยบายแจกเงินดิจิทัล 1 หมื่นบาท เพราะขณะนี้เงื่อนไขเปลี่ยนไปหมดแล้ว ไม่เหมือนที่พรรคการเมืองยื่นให้กับ กกต.ไม่ว่าเงินจะมาจากการกู้ หรือไม่แจกเงินตามจำนวนคน 56 ล้านคน ซึ่งไม่ตรงกับปีงบประมาณที่ กกต.เคยตอบคำถามตน ซึ่งประเด็นที่ชัดเจนที่สุดคือให้ กกต.พิจารณาว่าการที่บุคคลหนึ่งบุคคลใด หรือพรรคการเมืองหนึ่งพรรคการเมืองใด ส่งหรือแจ้งเอกสารไปยังหน่วยงานราชการ แล้วไม่เป็นไปตามเอกสารที่เขียนหรือกำหนดไว้นั้น จึงเป็นการกระทำที่ผิดต่อกระบวนการกฎหมายอาญาลักษณะที่ 2 ความผิดเกี่ยวกับการปกครองในมาตรา 137 ที่ระบุว่าผู้ใดแจ้งข้อความอันเป็นเท็จต่อพนักงาน ซี่งอาจทำให้ผู้อื่นหรือประชาชนเสียหาย มีความผิดตามประมวลการกฎหมายอาญามาตรา 137 มีโทษจำคุกและปรับ
นายสนธิญา กล่าวว่า นอกจากนี้ การที่พรรคการเมืองต้องส่งนโยบายต่างๆ มาให้ กกต.ตรวจสอบ กกต.จะต้องตรวจสอบพิจารณาอย่างชัดเจนว่านโยบายของพรรคนั้นทำได้หรือไม่ได้ และเมื่อยื่นไปแล้วไม่เป็นไปตามกระบวนการที่พรรคการเมืองนั้นอธิบาย เท่ากับว่าไม่ตรงกับข้อเท็จจริงที่แจ้งต่อ กกต.ตนจึงมาถามว่าการกระทำดังกล่าวของพรรคการเมืองที่มีการเสนอนโยบายไปแล้วทำไม่ได้ เป็นการแจ้งเอกสารอันเป็นเท็จให้กับเจ้าพนักงานหรือไม่
อีกทั้งกรณีการแจ้งนโยบายแล้วไม่ตรงตามปก มีการสับเปลี่ยน ขัดต่อพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยพรรคการเมือง 2560 มาตรา 57 (1) (2) มาตรา 72 ที่ระบุเรื่องแหล่งที่มาไม่ชอบด้วยกฎหมาย และมาตรา 92 ที่ระบุเรื่องการยุบพรรคการเมือง ฉะนั้น หากการกระทำดังกล่าว หากไม่เป็นไปตามที่พรรคการเมืองเสนอต่อ กกต.เป็นการกระทำที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 258 (2) (3) ว่าด้วยการปฏิรูปประเทศ
เมื่อถามถึงการกำหนดระยะเวลาให้ กกต.ตอบคำร้อง นายสนธิญา กล่าวว่า น่าจะต้นเดือน ธ.ค.จะเรียบร้อย แต่หากตอบแล้วไม่ตรงกับข้อมูลความเป็นจริง เรื่องนี้ก็จะถึงคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) อยู่ดี เพราะไม่ต้องการให้การเลือกตั้งครั้งหน้ามีพรรคการเมืองแล้วมาประกาศนโยบายแบบนี้ จนทำให้เกิดความเสียหายและประชาชนเบื่อหน่ายการเมือง
เมื่อถามว่า ตั้งแต่แถลงนโยบายจนมาถึงวันนี้ นโยบายดิจิทัลวอลเล็ตมีการเปลี่ยนเนื้อหาไม่มากใช่หรือไม่ นายสนธิญา กล่าวว่า ตนไม่เชื่อมั่นว่านโยบายต่างของพรรคการเมืองหนึ่งพรรคการเมืองใดที่ใช้เงินจำนวนมากจะสามารถทำได้ ส่วนการเปลี่ยนแปลงนั้นก็คือการผิดสัญญาต่อประชาชน เพราะเมื่อประกาศตามรัฐธรรมนูญ ไม่ว่า พ.ร.ป.การเมือง บัญญัติไว้ชัดเจนว่าการที่พรรคการเมืองจะประกาศนโยบายอย่างใดอย่างหนึ่ง ต้องผ่านการศึกษา ดูงบประมาณ ดูผลกระทบ ดูทุกอย่าง และคนที่จะพิจารณาตรวจสอบก็คือ กกต.ต้องพิจารณาให้ได้ว่าสิ่งที่พรรคการเมืองนำเสนอมานั้นทำได้หรือไม่ วันนี้ตนไม่มั่นว่าสามารถทำได้หรือไม่ แต่เปลี่ยนไปแล้ว ไม่เป็นไปตามเงื่อนไขเดิมแล้ว กกต.ต้องรับผิดชอบและวินิจฉัย ทั้งนี้ เห็นไม่กำหนดระยะเวลาเพราะมีเวลาพอสมควร แต่ถ้าได้รับเหตุผลจาก กกต.เป็นไปตามกฎหมายกระบวนการเป็นที่พอใจ ก็จะไม่ยื่น ป.ป.ช.แต่เชื่อว่า กกต.คงไม่สามารถตอบตนได้ และเรื่องนี้จะต้องถึง ป.ป.ช.และศาลรัฐธรรมนูญ