วันที่ 13 พ.ย.66 ความคืบหน้าคดีไล่ล่า นายเชาวลิต หรือเสี่ยแป้ง บนเทือกเขาบรรทัดรอยต่อพัทลุง ตรัง และสตูล ยังคงมีเจ้าหน้าที่ลาดตระเวนและติดตามกันอย่างไม่ลดละ แม้ฝ่ายความมั่นคงจะกระจายกำลังปิดล้อมกระชับพื้นที่ขึ้นบนภูเขาจนถึงขณะนี้ก็ยังไม่พบตัว ได้สร้างความหวาดกลัวให้กับชาวบ้าน และชาวสวนยางพาราที่อาศัยริมเทือกเขาบรรทัด บ้านป่าพน หมู่ที่ 9 ตำบลปาล์มพัฒนา อำเภอมะนัง จังหวัดสตูล ยอมรับว่า รู้สึกถึงความอันตราย และไม่ปลอดภัย โดยไม่รู้จะเกิดขึ้นกับตนหรือไม่
ล่าสุดชาวบ้าน เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า จากกระแสข่าวการติดตามไล่ล่าว่าอาจจะหลบหนีมาทางเขาบรรทัดด้านจังหวัดสตูล ยิ่งสร้างความหวาดกลัวไม่กล้าจะออกไปกรีดยางพาราในเวลากลางคืน ทำให้ต้องปรับเวลาในการกรีดยางพาราเป็นช่วงฟ้าสางแทน
นางสาวเอ ชาวบ้านป่าพน ยอมรับว่า หลังมีกระแสข่าวชาวบ้านในละแวกนี้ประมาณ 100 ครัว ต่างผวา และหวาดกลัวไม่กล้าที่จะเปิดประตูบ้านทิ้งไว้ โดยเฉพาะคนแปลกหน้า หรือแม้กระทั่งจะนั่งพูดคุยกัน ก็ต้องนั่งรวมกลุ่มกันหลายๆคน เพื่อสร้างความอบอุ่นใจ ยามค่ำคืนหรือแม้กระทั่งยามนอน ต้องพกมีดพร้า หรือของมีดมีคมวางไว้ข้างกายทั้งยามนอนก็ตาม เพื่อความอุ่นใจ เพราะหมู่บ้านเราใกล้กับเทือกเขาบรรทัด กลางดึกก็กลัวจะมีใครมาเคาะประตูบ้าน หรือบุกเข้ามาในบ้านเพราะ แป้ง นาโหนด มีอาวุธปืนสงครามยิ่งสร้างความหวาดกลัว ทำให้ต้องเปลี่ยนเวลาการกรีดยางพาราในยามดึกมากรีดยางพาราในตอนเช้าแทน ซึ่งพวกตนยอมรับว่ากลัว แม้เจ้าหน้าที่จะบอกว่าไม่มีอะไรก็ตาม
ทางด้านความมั่นคง สภ.มะนัง ได้มีการตั้งกำลังผสม ทั้งฝ่ายปกครอง ตำรวจ และเจ้าหน้าที่ป่าไม้ เป็นพื้นที่รับผิดชอบใกล้เทือกเขาบรรทัด โดยมีนายเชษฐ์ บุตรรักษ์ นายอำเภอมะนัง ได้มอบหมายให้ปลัดป้องกัน อส. พลัดเปลี่ยนกำลังที่มี เจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.ทุ่งหว้า ชุดสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัด ชุดป้องกันและปราบปราม และสืบสภ.มะนัง พร้อมอาวุธครบมือลาดตระเวนและตั้งจุดตรวจสกัด 24 ชั่วโมง ตรวจตรารถยนต์เข้าออกทุกคัน ที่มุ่งหน้าไปเที่ยวชมถ้ำภูผาเพชร และ หมู่บ้านชาวมานิ เพื่อป้องกันไม่ให้มีการพยายามเข้ามาส่งเสบียง และสกัดทุกช่องทางที่จะเชื่อได้ว่าเป็นเส้นทางหลบหนี