กว่าจะมีการทาสีอาคารให้สดใหม่ตามกิจกรรม “Colorful ผดุงกรุงเกษม” ที่เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย ย่านโบ๊เบ๊ บริเวณสะพาน 5 ริมคลองผดุงกรุงเกษม ซึ่งมีความยาวประมาณ 4 กิโลเมตร เริ่มตั้งแต่หัวลำโพงถึงตลาดน้ำเทวราช คาบเกี่ยวพื้นที่ระหว่างเขตดุสิต ป้อมปราบศัตรูพ่าย และปทุมวัน กทม.ใช้เวลาย้ายผู้ค้าออกจากพื้นที่กว่า 6-7 เดือน เพื่อเดินหน้าปรับปรุงทางเท้าและทัศนียภาพเลียบคลองผดุงฯให้สวยงาม คืนพื้นที่สาธารณะแก่ประชาชน โดยมีแผนทาสีอาคารกว่า 215 คูหา ภายในวันที่ 22 พ.ย.66 ทั้งในและนอกพื้นที่เขตรัตนโกสินทร์ หวังสร้างความโดดเด่น ชูอัตลักษณ์ย่านโบ๊เบ๊ซึ่งเป็นเขตเศรษฐกิจสำคัญของ กทม.ให้เป็นที่สนใจระดับโลก

นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ยอมรับว่า หนักใจ เพราะที่ผ่านมาการจัดระเบียบผู้ค้าย่านนี้ไม่ง่าย โดยเฉพาะการห้ามขายบนพื้นที่สาธารณะริมคลองผดุงฯ มีความพยายามจัดการหลายครั้ง แต่ผู้ค้าก็กลับมาอีก รวมถึงการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างรุกล้ำในเขตปทุมวัน 65 หลัง ตลอดแนวคลองตั้งแต่สะพาน 1 ถึงกรมพัฒนาพลังงานทดแทน และอนุรักษ์พลังงาน และร้านค้าตั้งแต่สะพาน 3 ถึงคลองแสนแสบ 41 ราย ส่วนเขตดุสิตรื้อถอนไป 9 หลัง เพื่อเปิดทางให้มีการปรับพื้นที่และจัดระเบียบผู้ค้าสองฝั่งคลอง ต้องอาศัยเจ้าหน้าที่เทศกิจตรึงกำลังในพื้นที่ตลอด 24 ชั่วโมงจนถึงปลายปี ปัจจุบันการดำเนินงานลุล่วง โดยมีการหาพื้นที่ทดแทนให้ผู้ค้าเพื่อไม่กระทบพื้นที่สาธารณะ

และแผนช่วยร้านค้าย่านโบ๊เบ๊ร่วมมือกับแอพพลิเคชั่น TikTok เนื่องจากพฤติกรรมผู้ซื้อเปลี่ยนไปใช้ช่องทางออนไลน์ นายชัชชาติ มองว่า การขายออนไลน์ช่วยแก้ปัญหา ได้แก่ 1.ความฝืด เช่น ผู้ซื้อต้องเดินทางไป มีกำหนดเวลาเปิดปิด 2.ร้านค้าขยายผลยาก เพราะมีพื้นที่และลูกค้าจำกัด 3.ผู้ซื้อสามารถสะท้อนตัวสินค้าผ่านรีวิว เพื่อให้ผู้ซื้อรายอื่นพิจารณาก่อนซื้อได้ ขณะเดียวกันก็เป็นข้อให้ผู้ขายพัฒนาต่อไป เชื่อว่าหากร่วมมือกันทำอย่างเต็มที่ จะช่วยให้ผู้ค้าจะมียอดขายดีขึ้น กทม.พร้อมสนับสนุนและช่วยโปรโมต

เมื่อถามว่าเหตุใดถึงจัดระเบียบโบ๊เบ๊สำเร็จ

นายจักกพันธุ์ ผิวงาม รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร หัวเรี่ยวหัวแรงในครั้งนี้ เปิดเผยว่า หัวใจสำคัญคือการเจรจาสร้างความเข้าใจกับผู้ค้า การใช้พื้นที่สาธารณะทำการค้าขายต้องไม่กระทบประชาชนผู้ใช้ทางเท้าสัญจร ประชาชนต้องมีความสะดวกปลอดภัย โดยเฉพาะพื้นที่ริมคลองผดุงกรุงเกษม มีการปรับปรุงภูมิทัศน์ ดังนั้น ผู้ค้าบริเวณดังกล่าวจำเป็นต้องออกจากพื้นที่ เพื่อให้การดำเนินงานมีความเรียบร้อย เมื่อปรับปรุงแล้วเสร็จ บริเวณสองฝั่งคลองจะสวยงาม ช่วง 1 ปีที่ผ่านมา กทม.จัดระเบียบผู้ค้าไปแล้ว จากเดิมประมาณ 791 จุด คงเหลือ 692 จุด มีการเจรจาขอให้ยกเลิก และจัดหาสถานที่ใหม่ให้ผู้ค้าได้เข้าไปทำการค้าในพื้นที่เอกชนและพื้นที่ กทม.จัดไว้

“เรื่องการจัดระเบียบย่านโบ๊เบ๊มีแนวคิดมานาน แต่การย้ายผู้ค้าออกจากพื้นที่เดิมต้องมีพื้นที่รองรับให้ผู้ค้า ต้องยอมรับว่าไม่มีพื้นที่ใดให้ใช้ฟรี กทม.ช่วยหาพื้นที่และช่วยต่อรองราคาค่าเช่ากับเจ้าของพื้นที่เท่าที่ทำได้เพื่อจัดการเรื่องนี้ แต่ไม่สามารถอนุญาตให้ผู้ค้าจับจองพื้นที่สาธารณะในการค้าขายเหมือนที่ผ่านมาได้” นายจักกพันธุ์ กล่าว

ด้านนายศุภกฤต บุญขันธ์ ผู้อำนวยการสำนักเทศกิจ กล่าวว่า สำนักเทศกิจตรึงกำลังดูแลความเป็นระเบียบเรียบร้อยตั้งแต่แยกกษัตริย์ศึกถึงแยกสะพานขาว พร้อมจัดกำลังเจ้าหน้าที่เทศกิจจากสำนักเทศกิจและสำนักงานเขต จำนวน 22 หน่วย แบ่งเป็น 3 ผลัด ได้แก่ ผลัดที่ 1 เวลา 06.00-14.00 น. ผลัดที่ 2 เวลา 14.00-22.00 น. ผลัดที่ 3 เวลา 22.00-06.00 น. เพื่อดูแลความความเป็นระเบียบเรียบร้อยตลอด 24 ชั่วโมง ไม่ให้มีการกลับมาค้าขายบนพื้นที่สาธารณะ

...หากย้อนปัญหาก่อนที่จะมีการจัดระเบียบผู้ค้าโบ๊เบ๊อย่างจริงจังนั้น ผู้ค้าบนพื้นที่สาธารณะต้องเสียค่าธรรมเนียมปีละ 500 บาท ในอดีตมีปัญหาพัวพันด้านทุจริตระหว่างเจ้าหน้าที่กับผู้ค้า ปัจจุบันตลาดโบ๊เบ๊ยังอยู่ในย่านเดิม เพียงแต่มีการย้ายร้านค้ารุกล้ำพื้นที่สาธารณะทั้งสิ้น 719 ราย แบ่งเป็นเขตป้อมปราบศัตรูพ่าย 534 ราย ปทุมวัน 110 ราย ดุสิต 75 ราย ซึ่ง กทม.เจรจาเช่าพื้นที่โบ๊เบ๊สเตชั่นภายในซอยย่อยฝั่งตรงข้ามคลองผดุงฯไว้รองรับผู้ค้า เบื้องต้นแบ่งเป็น 9 โซน ประกอบด้วย โซนที่ 1-7 มีค่าเช่าตั้งแต่เดือนละ 2,000-12,000 บาท ไปจนถึงเดือนละ 12,000 บาท/ตารางเมตร จำนวน 216 ยูนิต โซนที่ 8 ค่าเช่าวันละ 180 บาท จำนวน 24 ร้านค้า (ขาย6วันฟรี1วัน) ส่วนโซนที่ 9 กำลังสร้างแผงค้าเพิ่ม 12 แผง ซึ่งเจ้าของพื้นที่ยังไม่เรียกเก็บค่าไฟทุกร้านค้า คาดว่าจะมีการเจรจาต่อรองราคาและหาพื้นที่เพิ่มต่อไป...

​​​​​​​

การจัดระเบียบโบ๊เบ๊ ช่วยเปิดประตูไปสู่โครงการอื่น ๆ ที่จะตามมา ถือเป็นความสำเร็จของกทม. ภายใต้การดำเนินงานของนายจักกพันธุ์ ผิวงาม ผู้ได้รับมอบหน้าที่สำคัญ ตามเป้าหมายของนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ซึ่งตั้งใจจัดการเรื่องนี้ให้แล้วเสร็จภายในสมัยของตน เนื่องจากยังไม่เคยมีผู้ว่าฯกทม.คนใดทำได้ นอกจากคืนพื้นที่สาธารณะ กทม.มีจุดหมายเพื่อจัดเทศกาลฤดูหนาว พร้อมกิจกรรมตลอดแนวคลองผดุงฯ ตั้งแต่บริเวณท่าหัวลำโพงถึงท่าตลาดเทวราช รวมถึงพัฒนาอัตลักษณ์ย่านโบ๊เบ๊และพื้นใกล้เคียง สนับสนุนการท่องเที่ยวและกิจกรรมต่าง ๆ ให้ชาวกทม. คงต้องติดตามต่อไปว่าจากนี้จะได้ผลตามที่คาดหรือไม่