วันที่ 12 พฤศจิกายน 2566 ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนที่ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง จะเดินทางไปร่วมประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ 30 (2023 APEC Economic Leaders’ Meeting) ได้เรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับเรื่องส่วยทางหลวง การแก้ปัญหาการลักลอบนำเข้าเนื้อสุกรเถื่อน และมาตรการรักษาความปลอดภัยนักท่องเที่ยว หารือ
โดยเรื่องส่วยทางหลวง ได้หารือกับ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) นายชยธรรม์ พรหมศร ปลัดกระทรวงคมนาคม ผู้บังคับการตำรวจทางหลวง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล อธิบดีกรมทางหลวง อธิบดีกรมการขนส่งทางบก สมาพันธ์และสมาคมรถบรรทุก ในเรื่องการตรวจสอบน้ำหนักรถบรรทุกบนโครงข่ายทางหลวงหลัก เช่น ถนนพหลโยธิน ถนนเพชรเกษม ถนนสุขุมวิท ถนนพระราม 2 ถนนสายเอเชีย รวมถึงเรื่องการตรวจสอบสภาพรถ เป็นต้น
นอกจากนี้ นายกฯ เรียกผู้ว่าการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ผู้บัญชาการสอบสวนกลาง ผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว และผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง หารือเรื่องมาตรการรักษาความปลอดภัยนักท่องเที่ยว รวมยังมีการหารือเรื่องการลักลอบนำเข้าเนื้อสุกรเถื่อน กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประกอบด้วย ผู้บัญชาการสอบสวนกลาง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ร่วมหารือด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงหาหรือเรื่องปัญหาการลักลอบนำเข้าเนื้อสุกรเถื่อนนั้น นายเศรษฐา มีสีหน้าไม่พอใจการทำงานที่ผ่านมา โดยระบุกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่า “ผมเชิญท่านมาพบ ท่านมาที่ทำเนียบรัฐบาลแล้วรอบหนึ่ง ทำไมช้าจัง จัดการให้มันเร็วๆ หน่อยได้ไหม มันจับมาได้ตั้งเยอะแยะแล้ว ทำไมไม่สั่งการสักทีหนึ่ง ผมสั่งการไปแล้วก็ไม่ทำ ไม่หาตัวรายใหญ่ เข้าถึงตัวไม่ได้สักที ตอนนี้มีกี่ราย ตอนนี้จับมามี 10 รายแล้วใช่ไหม”