วันที่ 12 พ.ย.2566 นายเฉลิมชัย เฟื่องคอน สมาชิกวุฒิสภา หนึ่งในคณะกรรมาธิการการพัฒนาการเมืองและการมีส่วนร่วมของประชาชน วุฒิสภา ที่มีนายเสรี สุวรรณภานนท์ เป็นประธาน เปิดเผยว่า ในการประชุมของคณะกรรมาธิการเมื่อเร็วๆนี้ มีการเชิญตัวแทนจากสามองค์กรอิสระคือ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.)และสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) มาร่วมประชุมกับกมธ.ที่มีการพิจารณาเรื่อง การดำเนินนโยบายแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต โดยทางตัวแทนจากสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินได้ชี้แจงกับคณะกรรมาธิการว่า ขณะนี้ทางผู้ว่าการสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน ได้มีการตั้งคณะทำงานเพื่อมาศึกษาเรื่องนโยบายดิจิทัลวอลเล็ตที่รัฐบาลจะดำเนินการ
ทั้งนี้ สตง.มีอำนาจตามรัฐธรรมนูญมาตรา 245 ที่บัญญัติว่า "เพื่อประโยชน์ในการระงับหรือยับยั้งความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นแก่การเงินการคลังของรัฐ ให้ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดินเสนอผลการตรวจสอบการกระทำที่ไม่เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยวินัยการเงินการคลังของรัฐและอาจก่อให้เกิดความเสียหายแก่การเงินการคลังของรัฐอย่างร้ายแรง ต่อคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดินเพื่อพิจารณา” ทำให้ตอนนี้ นอกจากสำนักงานป.ป.ช.ที่ตั้งคณะทำงานขึ้นมาติดตามเรื่องดิจิทัลวอลเล็ตแล้ว สตง.มีการตั้งเช่นกัน
“ก็เตรียมลับมีดกันหมดแล้ว แต่ของสตง.เขาก็ต้องรอก่อนว่ารัฐบาลจะดำเนินการอย่างไร เพราะอย่างตอนหาเสียงเขาบอกว่า ดิจิทัลวอลเล็ต จะใช้งบประมาณจากพรบ.งบปี 2567 โดบบอกว่า จะมาจากแหล่งต่างๆเช่น ภาษีเก็บได้เพิ่มขึ้นจากการขยายตัวของเศรษฐกิจประเทศจากสำนักงบประมาณ 260,000 ล้านบาท จะไปรีดไขมันจากงบส่วนเกินต่างๆ อีก 100,000 ล้านบาท ยกเลิกงบซ้ำซ้อน ประมาณ 90,000 ล้านบาท แต่ถึงตอนนี้ที่หาเสียงไว้ลืมหมดแล้ว นายกฯเคยไปให้สัมภาษณ์ออกทีวียืนยัน บอกจะไม่กู้ แต่ตอนนี้เศรษฐา ลืมหมดแล้ว”
มีรายงานว่า เมื่อเร็วๆนี้ นายประจักษ์ บุญยัง ผู้ว่าการสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.)ได้ตั้งคณะทำงานเพื่อหน้าที่ศึกษาความเสี่ยงและผลกระทบจากการด าเนินนโยบายโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต โดยมีรายงานว่า คณะทำงานชุดดังกล่าวของสตง.ได้มีการศึกษากรอบวินัยการเงินการคลังของรัฐ และจัดเตรียมความพร้อมของข้อมูล แต่ยังไม่ได้มีการเข้าไปทำอะไรได้ เพราะต้องรอให้รัฐบาลประกาศความชัดเจนในการดำเนินนโยบายดิจิทัลวอลเล็ตออกมาก่อนโดยเฉพาะความชัดเจนเรื่องแหล่งที่มาของเงินและกระบวนการทำนโยบาย แต่ที่ผ่านมา คณะทำงานชุดดังกล่าว ได้มีการติดตามข้อมูลโครงการดังกล่าวของรัฐบาลมาอย่างต่อเนื่อง รวมถึงมีการประสานที่ปรึกษาจากภายนอกซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐศาสตร์เพื่อขอให้ช่วยวิเคราะห์ข้อมูลในเรื่องดิจิทัลวอลเล็ตด้วย
ก่อนหน้านี้ คณะกรรมการป.ป.ช.มีการตั้งคณะกรรมการเพื่อศึกษาและรับฟังความเห็นเกี่ยวกับนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต โดยมี นส.สุภา ปิยะจิตติ กรรมการป.ป.ช.เป็นประธานกรรมการ และขณะนี้ สตง.ที่เป็นองค์กรอิสระอีกหน่วยงานหนึ่ง ก็มีการขยับเข้ามาติดตามตรวจสอบนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต จึงทำให้ตอนนี้ สององค์กรอิสระคือ ป.ป.ช.และสตง.ได้เข้ามาติดตามมอนิเตอร์นโยบายดิจิทัลวอลเล็ตของรัฐบาลแล้ว
ที่น่าสนใจก็คือ ในพรบ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการตรวจเงินแผ่นดิน พ.ศ. 2561 บัญญัติไว้ในมาตรา 8 ว่า “เพื่อประโยชน์ในการระงับหรือยับยั้งความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นแก่การเงิน การคลังของรัฐ ให้ผู้ว่าการสตง.เสนอผลการตรวจสอบการกระทําที่ไม่เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยวินัยการเงินการคลังของรัฐและอาจก่อให้เกิดความเสียหายแก่การเงินการคลังของรัฐอย่างร้ายแรง ต่อคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน(คตง.) เพื่อพิจารณา หากคณะกรรมการเห็นพ้องด้วยกับผลการตรวจสอบ
ให้คณะกรรมการจัดให้ มีการประชุมร่วมกับคณะกรรมการการเลือกตั้งและคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติเพื่อปรึกษาหารือร่วมกัน ในกรณีที่ประชุมร่วมมีมติเห็นพ้องกับผลการตรวจสอบดังกล่าวด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่าสองในสามของจํานวนกรรมการที่ลงคะแนน ให้ประธานคตง.-ประธานกกต.และประธานป.ป.ช. ร่วมกันลงนามในหนังสือแจ้งสภาผู้แทนราษฎร วุฒิสภา และคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบโดยไม่ชักช้า และให้เปิดเผยผลการตรวจสอบดังกล่าวต่อประชาชนเพื่อทราบด้วย”