ขนส่งจังหวัดแม่ฮ่องสอน นำเจ้าหน้าที่ตรวจเข้มคนขับรถและสภาพรถตู้โดยสาร ที่จะนำผู้โดยสารจากแม่ฮ่องสอน ไปยังจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งมีการตรวจเข้มทุกวัน ไม่ใช่ตรวจแค่ช่วงเทศกาลสำคัญ ทั้งนี้เพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุบนถนน และได้มีการกำชับให้พนักงานขับรถทุกคนขับขี่ด้วยความปลอดภัยและปฏิบัติตามกฎจราจรอย่างเคร่งครัด
เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2566 เวลา 08.30 น. ขนส่งจังหวัดแม่ฮ่องสอน นำเจ้าหน้าที่ตรวจเข้มคนขับรถและสภาพรถตู้โดยสารของ บริษัทเปรมประชาขนส่งจำกัด ที่จะนำผู้โดยสารจากแม่ฮ่องสอน ไปยังจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งมีการตรวจเข้มทุกวัน ไม่ใช่ตรวจแค่ช่วงเทศกาลสำคัญ ทั้งนี้เพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุบนถนน และได้มีการกำชับให้พนักงานขับรถทุกคนขับขี่ด้วยความปลอดภัยและปฏิบัติตามกฎจราจรอย่างเคร่งครัด
นายสุพิชัย เต็งประเสริฐ ขนส่งจังหวัดแม่ฮ่องสอน เปิดเผยว่า ทางสำนักงานขนส่งจังหวัดแม่ฮ่องสอน ได้มีมาตรการที่ดำเนินการอยู่ ตรวจคน ตรวจรถ ที่สถานีขนส่งเทศบาลเมืองแม่ฮ่องสอน สำหรับรถตู้โดยสารที่จะเดินไปยังจังหวัดเชียงใหม่ การตรวจคนจะมีการตรวจใบอนุญาตขับขี่ที่ได้รับอนุญาตตามกฎหมาย และมีการตรวจแอลกอฮอล์พนักงานขับรถทุกคน หากมีปริมาณแอลกอฮอล์เกินกว่าที่กฎหมายกำหนดก็จะถูกระงับการขับขี่และให้รถคันอื่นมาวิ่งรับผู้โดยสารแทน นอกจากนั้น ยังมีการตรวจอุปกรณ์สำคัญของรถ ไม่ว่าจะเป็นเข็มขัดนิรภัย , ถังดับเพลิง , ที่เคาะกระจก และยางรถ ว่ามีความพร้อมหรือไม่ ก่อนที่จะให้บริการแก่ผู้โดยสาร ในส่วนของสำนักงานขนส่งก็จะมีการตรวจ ความเร็วรถด้วย GPS ตลอดเส้นทาง หากรถคันไหนขับด้วยความเร็วเกินกำหนด จะถูกตักเตือนทันที รวมไปถึงการออกไปสุ่มตรวจตามสถานที่ต่าง ๆ โดยใช้กล้องจับความเร็วรถ
สำหรับกรณีรถตู้โดยสารที่เกิดอุบัติเหตุในพื้นที่ อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ ความเร็วรถประมาณ 80 กว่า กกม./ชม. นั้น ความเร็วรถประเภทดังกล่าว ตามที่กฎหมายกำหนดคือ ไม่เกิน 90 กม./ชม.แต่การใช้ความเร็วบนถนนที่มีความเสี่ยง อาทิ เส้นทางคดเคี้ยวขึ้นเขาลงเขาสูงชัน พนักงานขับรถจะต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษอยู่แล้ว ซึ่งจะใช้ความเร็วตามที่กฎหมายกำหนดไม่ได้เช่นกัน ซึ่งการใช้ความเร็วตรงนี้ ทางบริษัทเจ้าของกิจการต้องดูแลเป็นกรณีพิเศษในการรับสมัครพนักงานขับรถที่ต้องมีความชำนาญและมีจิตสำนึกต่อความปลอดภัยของผู้โดยสารเป็นสำคัญ ส่วนกรณีที่รถตู้โดยสารใช้ระยะเวลา เร็วกว่ากำหนดในตั๋วโดยสารคือ ปกติ รถออกจากแม่ฮ่องสอน 08.00 น. จะถึง เชียงใหม่ในเวลา 15.00 น. ซึ่งตรงนี้จะมีการเรียกผู้ประกอบการมาคุยเพื่อป้องกันการขับรถเร็วไม่สัมพันธ์กับระยะทางและเวลาที่กำหนด
ทั้งนี้สาเหตุรถตู้โดยสาร สายเชียงใหม่ - ปาย แม่ฮ่องสอน พลิกคว่ำเบื้องต้นคนขับอ้างยางหน้าซ้ายระเบิดทำให้รถเสียหลัก แต่ทางเจ้าหน้าที่จับ GPS ใช้ความเร็วสูงถึง 83 กม./ชม.ซึ่งไม่เหมาะสมกับสภาพเส้นทางและขับเร็วเกินกำหนดรถประเภทดังกล่าว ขณะที่สังคมโซเชียลระบุ คนขับรถแทบทุกคันขับเร็วและหวาดเสียวต่อการเกิดอุบัติเหตุ รวมไปถึงการขับรถไปถึงจุดหมายเร็วกว่าที่ระบุไว้ในตั๋วโดยสาร ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของผู้ใช้บริการ ด้านขนส่งจังหวัดแม่ฮ่องสอน กวดขันตรวจรถและพนักงานขับรถตู้โดยสารประจำทางที่จะนำผู้ใช้บริการไปเชียงใหม่ ป้องกันการเกิดอุบัติเหตุซ้ำซ้อนอีกต่อไป
จากเหตุการณ์รถตู้โดยสาร ประสบอุบัติเหตุทำให้มีนักท่องเที่ยวเสียชีวิต 2 รายและเจ็บอีก 10 รายเมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2566 เวลา 09.40 น. เกิดอุบัติเหตุรถยนต์ตู้สายประจำทางเชียงใหม่-ปาย ของบริษัทเปรมประชาขนส่งจำกัด หมายเลข522 ทะเบียน 10-6962 ป้ายเหลือง เกิดพลิกคว่ำบนถนนสายเชียงใหม่-ปาย ต.ป่าแป๋ อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ ขณะนำผู้โดยสารจากเชียงใหม่ ไปยังอำเภอปาย จ.แม่ฮ่องสอน มีผู้เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ 2 ราย เป็นชาวต่างชาติ และได้รับบาดเจ็บอีก 10 ราย
ทางด้านตำรวจท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ ได้ประสานเจ้าหน้าที่สำนักงานคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ (คปภ.) บริษัทเปรมประชา พบว่าได้จัดทำประกัน ดังนี้ -ภาคบังคับ กับบริษัทวิริยะประกันภัย ความคุ้มครอง ผู้โดยสารกรณีเสียชีวิตจะได้รับค่าปลงศพ 500,000 บาท คุ้มครองค่ารักษาพยาบาล ตามจริง ไม่เกิน 80,000 บาท ผู้ขับขี่ ได้รับค่าเสียหายเบื้องต้นเป็นรักษาพยาบาลตามจริง ไม่เกิน 30,000 บาท ค่าปลงศพกรณีเสียชีวิต 35,000 บาท
-ภาคสมัครใจ กับบริษัทวิริยะประกันภัย ความคุ้มครองกรณีเสียชีวิต และค่ารักษาพยาบาล 500,000 บาท
อย่างไรก็ตามหลังจากที่มีอุบัติเหตุ ได้ส่งผลให้กระแสโซเชียลที่พากันโพสต์ ต่อเรื่องที่เกิดขึ้นและตำหนิอย่างรุนแรง ส่วนใหญ่ระบุว่าพนักงานขับรถส่วนใหญ่ขับรถเร็วมาก และในตั๋วโดยสาร ระบุเวลาชัดเจนแต่คนขับรถขับเร็วกว่าเวลาที่ระบุในตั๋ว คือ ยกตัวอย่าง ตั๋วโดยสารเที่ยว 08.00 น.จากสถานีรถโดยสารแม่ฮ่องสอน กำหนดเวลาถึง สถานีขนส่งอาเขต เวลา 15.00 น. แต่พบว่า รถตู้ที่ขับเร็วทุกคันจะถึง สถานีขนส่งอาเขตเวลา 13.00 น. ซึ่งถือว่าละเมิดกฎอย่างชัดเจน ทำให้ก่อเกิดความไม่ปลอดภัยให้กับผู้โดยสารที่ใช้บริเวณเส้นทางระหว่าง แม่ฮ่องสอน - ปาย - เชียงใหม่ และ เชียงใหม่ - ปาย – แม่ฮ่องสอน จึงอยากให้หน่วยงานที่มีหน้าที่รับผิดชอบ ควบคุมการให้บริการของบริษัทดังกล่าวอย่างใกล้ชิด ล่าสุดพบว่า คนส่วนใหญ่พากันขยาดที่จะเดินทางโดยรถโดยสารตู้สายดังกล่าว