วันที่ 11 พย.2566 นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ได้กล่าวถึงการทำงานของรัฐบาลในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมาว่าตลอดสองเดือน ต้องยอมรับว่าจะประเมินลึกไปในรายละเอียดคงยาก เหตุเพราะรัฐบาลยังตั้งต้นทำงานไม่ได้ เพราะนโยบายหลัก ๆ ของพรรคเพื่อไทยที่ขับเคลื่อนผ่านการทำงานโดยรัฐบาลและนายกรัฐมนตรียังตั้งหลักไม่ได้ การประเมินได้ที่ชัดเจนคือมีแต่ผักชีที่โรยหน้า ไม่มีอะไรที่จะบ่งชี้ว่าดีหรือไม่  การที่แกนนำพรรคเพื่อไทยในรัฐบาลได้สื่อสารว่า คิดครบ ทำได้นั้น  เห็นว่าสวนทางกับความเป็นจริง

โครงการแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท เป็นผลผลิตที่ฉาบฉวยจากพรรคเพื่อไทยที่ไม่มีการคิดให้ละเอียดรอบด้าน ไม่คิดถึงความยั่งยืนของประเทศ ตั้งต้นไม่ได้ เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา ทั้งที่มาของเงิน วันหนึ่งไม่กู้ อีกวันหนึ่งกู้ วิธีการรับเงิน จ่ายเงิน และจะมีการเปลี่ยนแปลงไปเรื่อย ๆ ไม่มีอะไรแน่นอน ประกาศขึ้นเงินเดือนข้าราชการ อีกวันหนึ่งบอกต้องศึกษาก่อน สร้างความสับสนให้ประชาชนตลอด กระบวนการในเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญก็จะเห็นว่ายังไม่มีความชัดเจนใดๆ สิ้นปีนี้การตั้งฉายาของสื่อคำที่น่าสนใจยิ่งคือ “รัฐบาลสับปลับ” ปรับเปลี่ยนได้ตลอดเวลา

นายราเมศ กล่าวอีกว่า สิ่งเดียวที่รัฐบาลนี้ทำสำเร็จคือ การทำลายหลักนิติธรรม เลือกปฏิบัติในการบังคับใช้กฎหมาย เรื่องการคุมขังนักโทษ ให้เชื่อหลักธรรมชาติว่า ความลับไม่มีในโลก ทุกพรรคที่ร่วมรัฐบาลต้องร่วมกันรับผิดชอบในเรื่องนี้ในวันข้างหน้า และเรื่องนี้ถือว่ารัฐบาลประสบผลสำเร็จ และถือได้ว่าเป็นซอฟต์พาวเวอร์ที่ดีที่สุดของรัฐบาล ถ้าซอฟต์พาวเวอร์ประกอบด้วยวัฒนธรรมและค่านิยม เชื่อว่าประชาชนไม่อยากให้ มีการสร้างวัฒนธรรมและค่านิยม “แหกคุกโดยรัฐบาล” ซึ่งความเสียหายจะเกิดขึ้นกับกระบวนการยุติธรรม ถ้ารัฐบาลไม่เห็นด้วยกับสิ่งเหล่านี้ ไม่เห็นด้วยกับคำกล่าวที่ว่า “คุกมีไว้ขังคนจน” ก็ควรตอบเรื่องนี้ให้กระจ่าง