วันที่ 10 พ.ย.66 ที่ บก.ตม.พ.ต.อ.ประสาธน์ เขมะประสิทธิ์ รอง ผบก.ตม.2 รรท.ผบก.ตม.1 กล่าวว่าตามนโยบายของ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี, พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. สั่งการมอบนโยบายให้ สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง โดย พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย รรท.ผบช.สตม. และ พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม. กวดขัน และเพิ่มความเข้มงวดในมาตรการด้านความมั่นคง โดนให้ เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองที่รับผิดชอบงานสืบสวนปราบปราม เน้นการบูรณาการกับหน่วยงานความมั่นคงระหว่างประเทศ เกี่ยวกับความร่วมมือในการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ
ต่อมาในวันที่ 9 พ.ย.66 เวลา 23.00 น. พ.ต.อ.ประสาธน์ เขมะประสิทธิ์ รอง ผบก.ตม.2รรท.ผบก.ตม.1, พ.ต.อ.ระพีพัฒน์ อุตสาหะ รอง ผบก.ตม.1 ได้รับรายงานจาก พ.ต.อ.กาจภณ ปฐมัง ผกก.สืบสวน บก.ตม.1 ว่า มีการจับกุม ผู้ต้องหาตามหมายจับประเทศจีนได้ 1 ราย ขณะมีการพยายามหลบหนีออกนอกประเทศ ปฏิบัติการจับกุมผู้ต้องหาในครั้งนี้ เป็นการประสานงานอย่างต่อเนื่องของทีมสืบสวน ในสังกัด สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง หลายหน่วยงาน เริ่มตั้งแต่ กก.2 บก.ตม.1 , กก.สืบสวน บก.ตม.1 และ กก.สืบสวนปราบปราม บก.ตม.2
โดยเบื้องลึกเบื้องหลังนั้น ผู้สื่อข่าวได้ข้อมูลว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติโดยกองการต่างประเทศ ได้รับหนังสือประสานความร่วมมือจากสาธารณรัฐประชาชนจีน เมื่อช่วงเดือนสิงหาคม 2566 ที่ผ่านมาเกี่ยวกับกรณีกลุ่มบุคคลต่างด้าวสัญชาติจีน ซึ่งเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับในคดีความผิดเกี่ยวกับการลักลอบค้าขยะอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งเป็นความผิดในประเทศจีน ไม่ว่าจะเป็นการลักลอบค้าขยะโดยไม่ได้รับอนุญาต การแยกชิ้นส่วนจำหน่ายไปยังประเทศที่สาม หรือการปิดบังข้อมูลอื่นๆต่อเจ้าพนักงาน ซึ่งนาย เจิ้งเหอ (นามสมมติ) เป็นหนึ่งในผู้ร่วมขบวนการซึ่งถูกทางการจีนออกหมายจับในครั้งนั้น ต่อมาได้เดินทางหลบหนีออกจากประเทศและมากบดานอยู่ในประเทศไทยโดยอาศัยกรุงเทพมหานครซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีชาวจีนพักอาศัยอยู่เป็นจำนวนมากเป็นที่หลบซ่อนตัว
ต่อมาหลังจากสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองได้รับทราบเรื่องจากทางการจีนกก.2 บก.ตม.1 ซึ่งเป็นหน่วยงานที่อนุญาตให้บุคคลต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราว จึงได้ทำการเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรดังกล่าว
กก.สืบสวน บก.ตม.1 รับแมวต่อดำเนินการแจ้งการเพิกถอนการอนุญาตดังกล่าวไปยังที่พัก ที่บุคคลต่างด้าวได้แจ้งไว้ในระบบสารสนเทศของสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง และระดมทีมสืบสวนออกสืบสวนหาข่าวอย่างต่อเนื่องเรื่อยมา
จนกระทั่งวันเกิดเหตุเมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2566 ชุดสืบสวน บก.ตม.1ได้รับการประสานงานจาก กก.สืบสวนปราบปราม บก.ตม.2 ว่าตรวจพบชาวจีนมีตำหนิรูปพรรณคล้ายกับผู้ที่ถูกเพิกถอนการอนุญาตในระบบ มีการพยายามใช้หนังสือเดินทางเล่มที่แตกต่างจากหนังสือเดินทางที่สาธารณรัฐประชาชนจีนออกประกาศสืบจับ กำลังพยายามเดินทางออกนอกประเทศจึงได้ประสานงานกับชุดสืบสวนของ กก.สืบสวนปราบปรามบก.ตม.2 ส่งทีมประกบรวบตัวได้ทันควัน คาสนามบิน เป็นการแสดงให้เห็นถึงความร่วมมือ ทั้งในส่วนของความร่วมมือระหว่างประเทศระหว่างประเทศไทยกับสาธารณรัฐประชาชนจีนและความร่วมมือระหว่างหน่วยงานของสำนักงานตำรวจแห่งชาติและสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองเอง นำมาซึ่งผลสัมฤทธิ์ในการจับกุมครั้งนี้ สำหรับบุคคลต่างด้าวสัญชาติจีนซึ่งถูกจับกุมและถูกดำเนินคดีในความผิดฐานเป็นบุคคลต่างด้าวเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุดนับตั้งแต่วันที่ถูกเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักร และจะถูกส่งตัวไปยัง กก.3 บก.สส.สตม. เพื่อดำเนินการส่งกลับไปยังประเทศจีนเพื่อรับโทษตามกฏหมายต่อไป