วันที่ 10 พ.ย.2566 เมื่อเวลา 12.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรี และรมว.ต่างประเทศ ในฐานะประธานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน เป็นประธานการประชุมหารือข้อราชการเรื่องการปรับฐานเงินเดือนข้าราชการ โดยมีตัวแทนกระทรวงการคลัง เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคม คณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) และสำนักงบประมาณเข้าร่วมประชุม
 
จากนั้นเวลา 13.35 น. นายปานปรีย์ เปิดเผยภายหลังการประชุมว่า มติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้มอบหมายให้สำนักงาน ก.พ.ไปศึกษาและดูแนวทางที่เหมาะสมเพื่อนำเสนอต่อที่ประชุม ครม.ภายในสิ้นเดือน พ.ย.นี้ โดยการประชุมครั้งนี้ตนเหมือนมาสังเกตการณ์ และมาในฐานะที่ตนเป็นผู้กำกับดูแล ก.พ. จึงมาฟังความคิดเห็นที่ทางหน่วยงานที่ได้รับมอบหมายได้หารือกัน ซึ่งดูทิศทางแล้วออกมาดี แต่รายละเอียดต้องทำเพิ่มเติมอีกนิดนึง คาดว่าก่อนสิ้นเดือน พ.ย.เสร็จแน่นอน
 
ผู้สื่อข่าวถามว่า ที่มีข่าวว่าจะขึ้นเงินเดือนเฉพาะข้าราชการชั้นผู้น้อย ส่วนข้าราชการชั้นผู้ใหญ่จะขึ้นแบบน้อยมาก มีหลักและแนวทางอย่างไร นายปานปรีย์ กล่าวว่า คงจะต้องดู เพราะมันมีในส่วนข้าราชการแรกเข้าที่เราจะต้องปรับฐานเงินเดือน เพื่อที่จะให้คนที่เข้ามาใหม่มีความสนใจที่จะเข้ามาสู่ระบบราชการมากขึ้น เพราะถ้าฐานเงินเดือนต่ำเราอาจจะได้คนที่ไม่มีคุณภาพ และในที่สุดคนที่จะเข้ามารับราชการอาจจะตัดสินใจเลี้ยวไปทางภาคเอกชน ดังนั้น การประชุมครั้งนี้จึงมาดูด้วยว่าเงินเดือนเอกชนที่จบปริญญาตรีเขาเริ่มต้นจากตรงไหน และดูความเหมาะสมในส่วนของราชการว่าควรจะเป็นเท่าไหร่
 
เมื่อถามว่า ควรจะต้องปรับเป็นจำนวน 25,000 บาท ตามนโยบายของพรรคเพื่อไทยหรือไม่ นายปานปรีย์ กล่าวว่า ยังไม่ใช่ ต้องดูรายละเอียดอีกนิด อย่าเพิ่งสรุปว่าจะเป็นเท่าไหร่

ผู้สื่อข่าวถามว่า อย่างข้าราชการชั้นผู้น้อยที่บรรจุตั้งแต่ระดับ 3-7 ที่ไม่ใช่ระดับผู้บริหาร จะคิดเป็นเปอร์เซ็นต์ใช่หรือไม่ นายปานปรีย์ กล่าวว่า การหารือยังไปไม่ถึงตรงนั้น ตอนนี้กำลังดูในส่วนของข้าราชการแรกเข้าก่อน  เมื่อถามว่า การขึ้นจะเป็นการขึ้นทั้งระบบใช่หรือไม่ นายปานปรีย์ กล่าวว่า ขอให้รอฟังก่อน 

เมื่อถามว่า เท่าที่ได้รับฟังข้อมูลครั้งนี้ โอกาสเป็นไปได้ที่จะขึ้นมีสูงหรือไม่ นายปานปรีย์ กล่าวว่า “ก็เป็นไปตามนโยบาย” เมื่อถามย้ำว่า ถึงอย่างไรก็ต้องขึ้นใช่หรือไม่ นายปานปรีย์ กล่าวว่า “ก็เป็นไปตามนโยบาย ซึ่งจะขึ้นมากหรือขึ้นน้อย ก็ค่อยว่ากัน”