เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 10 พ.ย.66 ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปที่บ้านของย่าน้องเอเด็กหญิง 13 ปี ที่เข้าแจ้งความกับตำรวจ สภ.แวงน้อย ว่าหลานสาวถูกข่มขืนในรถตู้ ขณะเดินทางไปหา พ่อแม่ ที่ กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 1-2 ต.ค.66 ที่ผ่านมา ภายหลังจากที่ทาง พ.ต.อ.คะเชนทร์ ยืนยง รอง ผบก.ภ.จว.ขอนแก่น ร่วมกับทีมสหวิชาชีพ ร่วมสอบปากคำน้องเอ เด็กหญิงวัย 13 ปีที่ระบุว่าถูกนายเดช คนขับรถตู้ข่มขืนในรถขณะเดินทางไปกรุงเทพฯเมื่อวันที่ 1 ต.ค.ที่ผ่านมา โดยล่าสุดทีมสหวิชาชีพเปิดเผยว่า เด็กหญิง 13 ปีบอกว่าไม่รู้และไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไม่ได้ถูกคนขับรถข่มขืน
นางบี ย่าน้องเอ กล่าวว่า ตอนนี้ย่าเสียใจ งงและแปลกใจ ทำไมหลานเล่าให้ฟังแบบนี้ แต่ให้การกับตำรวจอีกแบบ ตอนที่หลานเล่าให้ฟังทั้งตัวเกร็ง ปากเบี้ยว สั่งเกตุอาการทั้งคืน ก่อนหลานจะร้องขึ้นว่ายาย เอาครีมเข้าบ้าน หนูอยู่บนรถตู้ เขาเอาน้ำให้หนูกิน ย่าก็พยายามสงบสติหลานและพยายามสอบถามจนหลานเล่าให้ฟังตามที่บอกกับนักข่าวไป ซึ่งตอนนี้ผลสอบออกมาว่าไม่มีการกระทำดังกล่าวบนรถตู้ ยายก็รู้สึกเสียใจ ทำไม่หลานพูดแบบนี้ แต่คำให้การทำไมพูดอีกแบบ
"ย่าก็ขอโทษแทนหลาน ขอโทษจากใจ ที่เล่าให้ฟังเพราะรักหลาน เชื่อหลานจึงเล่าให้ฟัง เมื่อความจริงปรากฎแล้วก็อยากจะขอโทษคนขับรถตู้ ยืนยันไม่ได้ปรักปรำ พูดไปตามที่หลานเล่าให้ฟัง รถตู้ย่าไม่รู้จัก มีแต่พ่อหลานรู้จัก ตนเองก็ไม่ไว้ใจมีแต่ถามพ่อหลานว่าเชื่อใจได้ไหมซึ่งพ่อหบานก็บอกว่าไว้ใจได้ ซึ่งก็ถามตลอดจนยอมให้ไปและมาเกิดเหตุการณ์ที่หลานเล่าให้ฟังขึ้น ตอนนี้ก็อยากจะขอโทษ ไม่ได้ปรักปรำใครจริง แต่หลานทั้งเล่าทั้งมีอาการต่างๆ ซึ่งตอนนี้ก็คงต้องปล่อยไปตามขขั้นตอนของทางเจ้าหน้าที่ ซึ่งย่าก็ติดใจว่าทำไมหลานจึงมีอาการป่วยทางจิต"