นายกฯจี้แก้ปัญหารถบรรทุกน้ำหนักเกิน ยันส่วยสติ๊กเกอร์มีนานแล้ว แบบวัวหายล้อมคอก ผบ.ตร.ยันหากตรวจสอบพบตำรวจมีเอี่ยวรับส่วย ฟันไม่เลี้ยง ด้านนครบาลสั่งตั้งกก.สอบข้อเท็จจริงปมรถบรรทุกตกท่อ ขณะที่กมธ.ตำรวจเล็งเรียกหน่วยงานเกี่ยวข้องแจง
ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 9 พ.ย.66 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ให้สัมภาษณ์ถึงปัญหาส่วยสติกเกอร์ ซึ่งล่าสุดเกิดเหตุรถบรรทุกดิน10 ล้อ ตกลงไปในถนนที่เกิดการยุบตัว และมีการตั้งข้อสังเกตหลังพบสติ๊กเกอร์ที่อาจเป็นสัญลักษณ์ของการจ่ายส่วยแปะอยู่ที่กระจกหน้ารถ ว่า เมื่อคืนในวงรับประทานอาหารค่ำของพรรคร่วมรัฐบาลไม่ได้มีการพูดคุยในเรื่องดังกล่าว แต่ตนได้รับทราบปัญหารถบรรทุกน้ำหนักเกิน ซึ่งต้องประสานกับกระทรวงคมนาคมและกรุงเทพมหานคร รวมถึงฝ่ายของกรมทางหลวงด้วยเช่นกัน
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะทำอย่างไรไม่ให้เกิดเหตุการณ์ไฟไหม้ฟาง พอเกิดเรื่องขึ้นมาก็ค่อยแก้ไขปัญหา และพอลืมกันไปก็มีปัญหาเรื่องทุจริต แบบนี้เกิดขึ้นซ้ำ นายกฯ กล่าวว่า ปัญหานี้เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นมานานแล้ว ไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นในรัฐบาลนี้เพียงอย่างเดียว เราเองให้ความสำคัญกับทุกปัญหา และจะแก้ไขปัญหาอย่างบูรณาการ "อย่างที่ผมบอก ไม่อยากให้เกิด พอมีปัญหา ก็มาแก้ แก้แล้วก็ลืม ก็พยายามตอกย้ำไปตลอดเวลา"
ที่รัฐสภา นายชัยชนะ เดชเดโช ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงประเด็นสติ๊กเกอร์ส่วยรถบรรทุก ว่า เท่าที่ทราบจากข่าวมีการยอมรับจากประธานสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทยว่าสติ๊กเกอร์รูปดาวและมีตัว B เป็นส่วยสติ๊กเกอร์จริง แต่เป็นส่วยสติ๊กเกอร์ระยะสั้นคือ 10 วัน เคลียร์ครั้งหนึ่ง เรื่องนี้ กมธ.จะเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาตรวจสอบเช่น ตำรวจทางหลวง กรมทางหลวง ตำรวจท้องที่ ว่าเป็นจริงหรือไม่ เพราะเรื่องดังกล่าวมีการติดตามอย่างใกล้ชิดอยู่แล้ว
อย่างไรก็ตาม ยังมีตำรวจทางหลวงส่วนหนึ่งที่เร่งปราบปรามเรื่องนี้ เส้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช ที่ได้มีการจับรถบรรทุกน้ำหนักเกินทุกวัน แต่เรื่องนี้กลับมาเกิดในพื้นที่กรุงเทพฯ เพราะฉะนั้นจึงต้องตรวจสอบ โดยกมธ.จะเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาชี้แจงในอีก 2 สัปดาห์
ที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. กล่าวถึงเรื่องเดียวกันว่า เรื่องดังกล่าวมีกองบัญชาการตำรวจนครบาลที่กำกับดูแลรับผิดชอบ และมีหน้าที่ตรวจสอบประเด็นดังกล่าวแล้วว่าสติ๊กเกอร์ที่ปรากฎที่บริเวณหน้ารถบรรทุกเกี่ยวข้องกับการกล่าวหาว่าตำรวจหรือเจ้าหน้าที่รัฐเรียกรับผลประโยชน์ใดหรือไม่ โดยตนเองไม่จำเป็นต้องสั่งการ เพราะมีการแบ่งหน้าที่กันแล้ว ทุกคนรู้หน้าที่ แต่การกล่าวหาว่าสติ๊กเกอร์ดังกล่าวเป็นส่วยสติ๊กเกอร์ที่สังคมเรียกกันนั้น ควรจะมีหลักฐาน หากกล่าวหาโดยเลื่อนลอย แม้จะเป็นการตั้งข้อสังเกตของสังคม แต่ก็ทำให้องค์กรตำรวจหรือหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องเสื่อมเสียชื่อเสียง และทำให้เกิดความขัดแย้งขึ้นในสังคม
อย่างไรก็ตามยืนยันว่าหากตรวจสอบพบว่าสติ๊กเกอร์ดังกล่าวเป็นส่วยสติ๊กเกอร์เรียกรับผลประโยชน์ของตำรวจจริง ตนเองในฐานะผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติก็จะดำเนินการตามขั้นตอนทั้งทางอาญาและทางวินัยอย่างเด็ดขาด ไม่เอาไว้ แต่ปัจจุบันเรื่องดังกล่าวยังไม่มีความชัดเจน จึงยังไม่ได้มีการสั่งการประเด็นใดเป็นพิเศษ พร้อมยืนยันที่ผ่านมาเน้นย้ำข้าราชการตำรวจมาโดยตลอดว่า จะต้องไม่ยุ่งเกี่ยวกับสิ่งผิดกฎหมายใดๆ ทั้งสิ้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตามที่ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล สั่งการให้ พ.ต.อ.วิทวัฒน์ ชินคำ รักษาราชการแทนผู้บังคับการตำรวจนครบาล 5 ตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีเหตุรถบรรทุกที่ขับขี่มาถึงบริเวณปากซอยสุขุมวิท 64/1 ได้ตกลงไปในหลุมท่อระบายน้ำขนาดใหญ่ขณะขับผ่านฝาครอบหลุมและได้เกิดทรุดตัวลงไปนั้น เป็นเหตุมีรถ 2 คัน ได้รับความเสียหาย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บ ต่อมายังปรากฏข้อมูลว่ารถยนต์บรรทุกคันเกิดเหตุมีสติ๊กเกอร์หน้ารถบรรทุกพบว่าเป็นรูปดาวมีตัวอักษร B สีเขียว ทำให้เกิดเป็นประเด็นที่เคลือบแคลงสงสัยต่อประชาชนโดยทั่วไปว่าเกี่ยวข้องกับส่วยสติ๊กเกอร์หรือไม่นั้น
ล่าสุด พ.ต.อ.วิทวัฒน์ ได้ลงนามคำสั่งกองบังคับการตำรวจนครบาล 5 แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงในกรณีดังกล่าวว่ามีเจ้าหน้าที่ตำรวจที่มีหน้าที่รับผิดชอบปล่อยปละละเลยหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ และมีมูลอันเป็นการกระทำความผิดทางวินัยตำรวจหรือไม่ โดยให้ดำเนินการตรวจสอบให้แล้วเสร็จโดยเร็ว แล้วเสนอรายงานการตรวจสอบข้อเท็จจริงมาเพื่อพิจารณาดำเนินการต่อไป