"อาชญากรรมออนไลน์" หรือ "อาชญากรรมทางไซเบอร์" ที่คนไทยมักตกเป็นผู้เสียหาย โดยที่มิจฉาชีพเหล่านี้จะใช้เทคโนโลยีเพื่อหลอกผู้เสียหายให้หลงกลแล้วได้เงินมาแบบง่ายๆ เป็นภัยร้ายใกล้ตัวเพียงแค่ปลายนิ้ว แค่เปิดคอมพิวเตอร์หรือใช้งานอินเทอร์เน็ต ก็อาจจะตกเป็นเหยื่อโดยไม่รู้ตัว ที่น่ากลัวมากที่สุด คือ คนร้ายที่แฝงตัวมาในคราบ "คนดัง" และ "เน็ตไอดอล" ก็สามารถเป็นมิจฉาชีพได้ 

โดยเฉพาะคดีที่ "นายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์" ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม ได้พา "น.ส.กัญญ์วราพัชร" (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 28 ปี เข้าพบ ร.ต.อ.ธนากร แก่นอินทร์ รอง สว.(สอบสวน) กก.1.บก.ป. เพื่อขอให้ช่วยติดตามจับกุม น.ส.มณฑิรา หรือ ใบเฟิร์น เน็ตไอดอลสาวชื่อดัง หลังหลอกให้ร่วมลงทุนเปิดร้านทำเล็บ แชร์ออมเงินออนไลน์ อ้างผลตอบแทนสูง แต่กลับไม่เป็นไปตามที่ตกลงกันไว้ มีผู้ตกเป็นเหยื่อกว่า 40 ราย สูญเงินกว่า 10 ล้านบาท เมื่อวันที่ 1 พ.ย.66 ที่ผ่านมา 

จากพฤติกรรมดังกล่าว เริ่มขึ้นเมื่อต้นปีที่ผ่านมา "น.ส.กัญญ์วราพัชร" ได้พบว่า “ใบเฟิร์น” โพสต์ข้อความตามสื่อออนไลน์ต่างๆ ชักชวนลงทุนธุรกิจร้านทำเล็บ อ้างผลตอบแทนสูงถึงร้อยละ 4 ของเงินลงทุน เห็นว่าเจ้าตัวเป็นเน็ตไอดอลชื่อดัง เคยออกรายการร้องเพลง โพสต์รูปคู่ดารา ใช้รถหรู ดูน่าเชื่อถือ จึงหลงเชื่อร่วมลงทุนไปด้วย 2 แสนบาท แต่สุดท้ายกลับไม่เป็นไปตามที่ตกลงกันไว้ เมื่อทวงถามขอเงินคืนก็ถูกบ่ายเบี่ยง อ้างว่าติดปัญหาต่างๆ ก่อนจะขาดการติดต่อไปในที่สุด มารู้ภายหลังว่าธุรกิจดังกล่าวไม่มีอยู่จริง จึงเข้าแจ้งความที่ จ.เชียงใหม่ จนมีการออกหมายจับไปแล้ว ซึ่งที่ผ่านมาพบว่า มีผู้หลงเชื่อตกเป็นเหยื่อถูกหลอกลักษณะเดียวกันกว่า 40 ราย สูญเงินรวมกว่า 10 ล้านบาท

ขณะที่ นางฐิติรัตน์ อายุ 30 ปี ผู้เสียหายอีกราย เปิดเผยว่า ได้รับการชักชวนจาก “ใบเฟิร์น” ให้นำเงินมาร่วมเล่นแชร์ออมเงินระยะสั้น 20 วัน ให้ผลตอบแทนสูงร้อยละ 8 เพราะเห็นว่าเป็นเน็ตไอดอลชื่อดัง ประกอบกับมีการกล่าวอ้างถึงธุรกิจร้านทำเล็บ ทำผม ดูน่าเชื่อถือ จึงร่วมลงทุนไปด้วย 8 หมื่นบาท แต่พอถึงกำหนดกลับไม่ได้รับเงินตามที่ตกลงกันไว้ เมื่อทวงถามก็ถูกบ่ายเบี่ยง ก่อนจะตัดขาดการติดต่อหนีหายไปในที่สุด ทั้งๆ ที่เจ้าตัวก็รู้อยู่แล้วว่าตนกำลังตั้งครรภ์ ต้องการใช้เงินในอนาคต

ด้าน นายรณณรงค์ กล่าวว่า จากพฤติกรรมของ “ใบเฟิร์น” จะเห็นว่าใช้ความเป็นเน็ตไอดอล มีชื่อเสียง สร้างโปรไฟล์ให้ดูน่าเชื่อถือเพื่อชักชวนเหยื่อให้นำเงินมาร่วมลงทุน ทั้งธุรกิจร้านทำเล็บ หรือออมเงิน อ้างผลตอบแทนสูงเป็นแรงจูงใจ ถือเป็นภัยต่อสังคม ประกอบกับทราบว่าปัจจุบันเจ้าตัวมีหมายจับคดีฉ้อโกงประชาชนและความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ติดตัวอยู่ จึงอยากให้ตำรวจสอบสวนกลางช่วยติดตามจับกุมและป้องกันไม่ให้มีผู้หลงเชื่อตกเป็นเหยื่อรายใหม่เพิ่มขึ้นอีก

ล่าสุด เมื่อวันที่ 8 พ.ย.66 เจ้าหน้าที่ตำรวจ PCT5 พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สืบนครบาล  และชุดสืบสวน สภ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่ นำกำลังเข้าจับกุม "น.ส.มณฑิรา" หรือ "ใบเฟริน" (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 31 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับ 2 หมายจับ คือหมายจับศาลจังหวัดเชียงใหม่ ที่จ.997/2566 ลงวันที่ 5 ต.ค.66 ข้อหา “ฉ้อโกงประชาชน และโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน” (สภ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่)

และหมายจับศาลจังหวัดเชียงใหม่ที่ จ.1073/2566 ลงวันที่ 26 ต.ค.66 ข้อหา “ฉ้อโกงประชาชน และโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน” (สภ.ภูพิงคราชนิเวศน์ จ.เชียงใหม่)

สืบเนื่องจากตำรวจชุด PCT5 และชุดสืบนครบาล ติดตามไล่ล่า เน็ตไอดอลดัง อักษรย่อ บ. หลังตระเวนก่อเหตุหลอกลวงให้ลงทุนร้านตัดผมและร้านทำเล็บ โดยมีเหยื่อหลงเชื่อร่วมลงทุนไม่ต่ำกว่า 40 ราย ความเสียหายไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท ด้วยน.ส.มณฑิราเป็นหญิงสาวที่มีรูปร่างหน้าตาดีและยังเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียง ออกรายการทีวีต่าง ๆ ถ่ายแบบ เป็นอินฟลูเอนเซอร์ โปรไฟล์ IG มีผู้ติดตามกว่า 120,000 คน

และในเฟซบุ๊กยังมีการโพสต์ภาพคู่กับรถหรูและดาราผู้มีเชื่อเสียงอีกหลาย ๆ คน สร้างความน่าเชื่อถือให้กับผู้มาสอดส่องโปรไฟล์เป็นอย่างดี กระทั่งช่วงต้นปี 2566 ที่ผ่านมาได้เริ่มโพสต์เชิญชวนให้ร่วมลงทุนเป็นหุ้นส่วนการทำร้านตัดผมและทำเล็บ โดยเสนอเป็นแพ็กเกจต่าง ๆ ยอดปันผลขึ้นอยู่กับจำนวนเงินที่ลงทุน และเมื่อถึงกำหนดก็จะได้เงินปันผล

ทั้งนี้ เมื่อเหยื่อหลงเชื่อและตัดสินใจโอนเงินไปร่วมลงทุนกับ น.ส.มณฑิรา แล้ว ก็ไม่ค่อยตอบข้อความ อ้างว่างานเยอะ ติดงานต่าง ๆ ส่วนสัญญาที่พิมพ์มาให้เซ็นก็ผิด ๆ ถูก ๆ หลายครั้ง และเมื่อถึงกำหนดจ่ายเงินปันผลก็จะบ่ายเบี่ยงไม่จ่ายเงิน จนถึงช่วงปลายเดือน มิ.ย.66 น.ส.มณฑิรา อ้างกับเหยื่อว่า บริษัทถูกยักยอกเงิน ทำให้ไม่มีเงินมาคืนให้กับผู้ร่วมลงทุน และหนีหายเข้ากลีบเมฆไป

กระทั่งบรรดาเหยื่อที่ร่วมลงทุนกับ น.ส.มณฑิรา ได้ทยอยเข้าแจ้งความ จนเจ้าหน้าที่ตำรวจออกหมายจับ จำนวน 2 หมายจับ ซึ่งล่าสุดเหยื่อได้ให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ว่าเจ้าตัวได้หลบหนีมากบดาลในพื้นที่กรุงเทพฯ

ตำรวจ PCT5 ส่งเจ้าหน้าที่ติดตามจับกุมตัว โดยมีเพียงเบาะแสว่า น.ส.มณฑิรา กินหรูอยู่สบายละแวกทองหล่อ ชุดสืบสวนตระเวนตรวจสอบแต่ยังคงไร้ร่องรอย กระทั่ง ได้เบาะแสจากสายลับว่า น.ส.มณฑิรา ควงหนุ่มอยู่ตามห้างดังในพื้นที่กรุงเทพฯ จึงตระเวนกระจายกำลังตามห้างดังทั่วกรุงเทพ กว่า 5 วัน

ต่อมาวันที่ 8 พ.ย.66 ชุดสืบสวนที่แฝงตัวอยู่ตามห้างได้พบตัวขณะกำลังเดินหาซื้อชุดว่ายน้ำกับหนุ่มชาวต่างชาติ จึงเข้าแสดงตัวและจับกุมตัว น.ส.มณฑิราได้ โดยจับกุมตัวได้ที่ห้างยูเนียนมอลล์ แขวงจอมพล เขตจตุจักร กรุงเทพฯ

จากการสอบสวน น.ส.มณฑิรา ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา ว่า ตนจบปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง เปิดร้านทำเล็บอยู่ จ.เชียงใหม่ ล่าสุดเข้ากรุงเทพฯมาได้เป็นเวลา 3 สัปดาห์แล้ว แต่ไม่ได้เป็นการหลบหนี ในทางคดีตนเปิดร้านทำผมและเล็บอยู่ที่ จ.เชียงใหม่ เห็นว่ามีรายได้ดี จึงได้มาร่วมลงทุนร่วมกัน ร้านกู๊ดคัด โดยร่วมลงทุนรายละ 50,000-1,000,000 บาท และเปิดรับลงทุนร่วมรับจำนำของ

น.ส.มณฑิรา ให้การต่อว่า จากนั้นนำไปขายเพื่อนำเงินมาแบ่งกัน แต่ช่วงหลังกำไรน้อยมาก และซื้อสินค้ามาขายไม่ค่อยได้ ทำไห้ไม่ได้จ่ายดอกเบี้ยให้กับผู้ร่วมลงทุน ส่วนร้านทำผมเนื่องจากหาช่างไม่ได้ และลูกค้าน้อย ทำให้ไม่มีเงินจ่ายให้กับผู้ร่วมลงทุน ตอนนี้ตนพยายามหาซื้อของแบบซื้อมาขายไป หวังว่าถ้ามีเงินก็จะนำไปทยอยคืนให้กับผู้เสีย หลังจับกุมตัว ได้นำส่งพนักงานสอบสวน สภ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่ ดำเนินคดีตามกฎหมาย

ด้าน พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. กล่าวว่า เรายังไม่ปักใจเชื่อในคำให้การของผู้ต้องหา และจะมีการขยายผลการจับกุมโดยละเอียด ซึ่งจากข้อมูลที่ได้วิธีการที่ผู้ต้องหารายนี้ใช้หลอกลวง นั้นเริ่มจากการสร้างโปรไฟล์ให้มีความน่าเชื่อถือ ถ่ายภาพคู่รถหรู หรือดาราผู้มีชื่อเสียงคนอื่นๆ จากนั้นการหลอกลวงจึงทำได้ไม่ยากนัก

พล.ต.ต.ธีรเดช กล่าวต่อว่า จึงขอเตือนไปยังพี่น้องประชาชนยุคใหม่ว่า การร่วมลงทุนในโลกออนไลน์นั้นมีความเสี่ยง เพราะในปัจจุบันเหล่ามิจฉาชีพจะแฝงตัวอยู่ในโลกออนไลน์เป็นจำนวนมาก การตรวจสอบความน่าเชื่อถือจากโปรไฟล์ในโลกออนไลน์นั้นยังไม่เพียงพอ จะต้องศึกษาหรือปรึกษาผู้มีความรู้ทางด้านการลงทุนให้ดีก่อน เพื่อไม่ตกเป็นเหยื่อ

"ขอเตือนไปยังเหล่ามิจฉาชีพทางออนไลน์ว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติมีการระดมปราบปรามผู้กระทำผิดทางออนไลน์อยู่ตลอด ตามนโยบายของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. ฉะนั้นผู้ที่ยังทำหรือคิดจะทำขอเตือนว่า มันไม่คุ้มได้คุ้มเสีย เมื่อได้ลงมือก่อเหตุแล้วและมีผู้เสียหายเข้าแจ้งความแล้วยังไงก็ต้องถูกจับกุม เพียงแต่จะช้าหรือเร็วแค่นั้นเอง" ผบก.สส.บช.น. กล่าว


#ใบเฟิร์นมณฑิรา #ใบเฟิร์น #มณฑิรา #มณฑิราใบเฟิร์น #เน็ตไอดอลสาว