"นายกฯ" เผยนัดหัวหน้าพรรคร่วมฯ ดินเนอร์พบปะแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ขับเคลื่อนงานต่อเนื่อง บอกให้ฟังรัฐบาลแถลงผลงานครบ60วัน เป็นทางการ "กกต."ยันปูอัด-แจ้" 2 อดีตส.ส.ก้าวไกล ต้องหาพรรคสังกัดภายใน 30 วัน ถ้าไม่มีพรรคไหนรับต้องพ้นสภาพ จัดเลือกตั้งใหม่ ด้าน"ภูมิใจไทย" ยื่นกกต.ชงศาลฯ ยุบ"ก้าวไกล" ชี้เจตนาสมคบคิด ขณะที่"ซูการ์โน" ไม่รับ " 2 ส.ส.ร่วมสังฆกรรม ยัน "ประชาชาติ"ไม่คิดตกปลาในบ่อเพื่อน 
       
     
ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 8 พ.ย.66 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ให้สัมภาษณ์ถึงการแถลงผลงานรอบ 60 วัน ในวันที่ 9 พ.ย. นี้ ว่า ขอให้คอยฟัง เป็นการพูดธรรมดาในทุกเรื่องที่ทำมา และเป็นการแถลงอย่างเป็นทางการ เพราะที่ผ่านมาไม่ได้พูดคุยอะไรมาก จึงเป็นการแถลงเพื่อให้ทราบ
     
   นายเศรษฐา ยังได้ตอบข้อสักถามถึงการนัดหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลรับประทานอาหารในช่วงเย็นวันเดียวกันนี้ และการทำงานร่วมกันที่ผ่านมาโอเคหรือไม่ ว่า โอเคหมด เป็นการคุยกันในเรื่องดี ไม่มีปัญหา และเข้าใจว่าธรรมดาในรัฐบาลก่อนๆ ไม่ค่อยมี เราก็อยากจะทำขึ้นมาอย่างน้อยเดือนละหนหรือ 2 เดือนหน ก็เป็นการกินแบบสบาย ไม่ได้มีปัญหาอะไรเลย ตนอยากจะให้มีการพบปะพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเผื่อท่านมีข้อแนะนำ ตนบอกแล้วเราเป็นรัฐบาลที่มาจากประชาชน ฉะนั้นเราต้องรับความคำแนะนำของประชาชน และพรรคร่วมเองถือเป็นภาคส่วนที่สำคัญในการบริหารขับเคลื่อนนโยบายของรัฐ อาจจะมีอะไรติชมหรือมีอะไรก็มาพูดคุยกันได้ดีกว่า เน้นวงเล็กหน่อยไม่ต้อง 40-50 คน สักประมาณ 10 ท่านก็พอแล้ว 
    
 ผู้สื่อข่าวถามว่า หัวหน้าพรรคร่วมทุกพรรคตอบรับแล้วหรือยัง นายกฯ กล่าวว่า ตอบรับหมดแล้ว เรียบร้อยไม่มีปัญหา เมื่อถามว่า พรรคพลังประชารัฐตอบรับหรือไม่ นายเศรษฐา ตอบว่า มาครับ เมื่อถามว่า ให้มาเล่าสู่กันฟัง นายกฯ กล่าวว่า แน่นอน ยินดีครับ
   
  นายศุภชัย ใจสมุทร นายทะเบียนพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงกรณีพรรคก้าวไกลดำเนินการ ขับ 2 ส.ส.ก้าวไกล นายไชยามพวาน มั่นเพียรจิตต์ ส.ส.กทม.  และนายวุฒิพงศ์ ทองเหลา ส.ส.ปราจีนบุรี กรณีการคุกคามทางเพศ ออกจากพรรค ซึ่งมีการดำเนินการเป็นขั้นตอนตามข้อบังคับพรรคก้าวไกล และกฎหมาย การดำเนินการเปิดเผยทุกกระบวนการ แตกต่างจากกรณีการขับ นายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่1 ออกจากพรรคก้าวไกล เพราะไม่มีการดำเนินการในลักษณะเดียวกัน ว่า ตนได้ยื่นเรื่องถึง นายทะเบียนพรรคการเมือง สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ขอให้ตรวจสอบการพ้นจากการเป็นสมาชิกพรรคก้าวไกล ของนายปดิพัทธ์ตรวจสอบว่าพรรคก้าวไกลได้ดําเนินกระบวนการทางวินัยกับนายปดิพัทธ์  ตามข้อบังคับพรรคก้าวไกล และตามกฎหมายถูกต้อง ครบถ้วนหรือไม่ โดยส่งแถลงการณ์พรรคก้าวไกล ลงวันที่ 28 ก.ย. 2566"
    
 นายศุภชัย กล่าวต่อว่า หากพิจารณาจากคําแถลงการณ์พรรคก้าวไกล คณะกรรมการบริหารชุดใหม่และผู้แทนราษฎรของพรรคก้าวไกลได้ประชุมร่วมกัน โดยให้ นายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคคนใหม่ รับตําแหน่งผู้นําฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร และมีข้อความในแถลงการณ์ให้นายปดิฏิพัทธ์ออกจากการเป็นสมาชิกของพรรคก้าวไกลโดยมิได้มีการแถลงว่ามีการกระทําความผิด วินัยร้ายแรง ตามข้อบังคับพรรคก้าวไกลข้อ 119 วงเล็บใด มีการดําเนินการทางวินัยสมาชิกตามข้อบังคับพรรค ก้าวไกลอย่างไร ได้มีการริเริ่มกระบวนพิจารณาทางวินัยสมาชิกพรรค ตามข้อ 122 และมีการแสวงหาข้อเท็จจริงและรวบรวมพยานหลักฐานประกอบขึ้นเป็นสํานวนคํากล่าวโทษ ตามข้อ 123 หรือไม่ และได้ เรียก นายปดิพัทธ์มาให้ถ้อยคําหรือโต้แย้งคํากล่าวโทษตามข้อ 124 หรือไม่ มีการสรุปข้อเท็จจริง การพิจารณาและเหตุผลในการวินิจฉัยประกอบการทําคําวินิจฉัยของคณะกรรมการวินัยสมาชิกพรรค ตามข้อ 129 ถึงข้อ 131 หรือไม่ อีกทั้งยังไม่ปรากฏมติของพรรคก้าวไกลด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่าสามในสี่ ของที่ประชุมร่วมของคณะกรรมการบริหารของพรรคก้าวไกลและสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ตาม รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 101 (9)
      
 "หากยังมิได้ดําเนินการดังกล่าวตามข้อบังคับ การดําเนินการของพรรคก้าวไกลยังไม่ถูกต้องครบถ้วน นายปดิพัทธ์ยังคงสภาพเป็นสมาชิกพรรคก้าวไกล ไม่อาจไปสมัครเป็นสมาชิกพรรคการเมืองอื่นได้ และจากแถลงการณ์ของพรรคก้าวไกลชี้แจงในทำนองว่านายนายปดิพัทธ์ลาออก โดยที่พรรคไม่ได้มีมติขับออกจากพรรคเพราะทำผิดวินัยร้ายแรง จะส่งผลให้สมาชิกภาพความเป็นส.ส.ของนายปดิพัทธ์สิ้นสุดลงในทันที" 
     
นายศุภชัย กล่าวอีกว่า หากพรรคก้าวไกล มิได้มีการดําเนินการตามข้อบังคับพรรคก้าวไกลและกฎหมาย การกระทําดังกล่าวเป็นการสมคบคิดหรือ แสดงเจตนาลวง ระหว่างพรรคก้าวไกลกับนายปดิพัทธ์ อันเข้าข่ายกระทําการอันอาจเป็นปฏิปักษ์ ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข การกระทําอันอาจเป็นปฏิปักษ์ หรือไม่ ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญได้เคยวินิจฉัย ว่าเพียงแค่อาจเป็นปฏิปักษ์ ก็ต้องห้ามแล้วหาจําต้องมีเจตนา ประสงค์ต่อผล หรือต้องรอให้เกิดผลเสียหายร้ายแรงขึ้นจริงเสียก่อนไม่
     
  "หากนายทะเบียนพรรคการเมืองตรวจสอบแล้ว พรรคก้าวไกลมิได้ดําเนินการให้ถูกต้องตามข้อบังคับพรรคก้าวไกล และกฎหมาย และเป็นการสมคบคิดหรือแสดงเจตนาลวง โดยหวังผลเพื่อให้หัวหน้าพรรคก้าวไกลได้รับตําแหน่งผู้นําฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร และนายปดิพัทธ์ยังคงดํารงตําแหน่งรองประธานสภาผู้แทนราษฎรต่อไป อันเป็นการสมประโยชน์ทั้งสองฝ่ายซึ่งเป็นการกระทําอันอาจเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และกรณีเป็นความปรากฏต่อนายทะเบียนพรรคการเมืองแล้ว ขอท่านได้โปรดยื่นศาลรัฐธรรมนูญเพื่อสั่งยุบพรรคก้าวไกลต่อไป" นายศุภชัย กล่าว
   
  ด้าน นายแสวง บุญมี เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง กล่าวถึงกรณีที่พรรคก้าวไกลมีมติขับ 2 ส.ส.ออกจากพรรคเนื่องจากปัญหาคุกคามทางเพศ ว่า จะต้องหาพรรคสังกัดใหม่ภายใน 30 วัน ซึ่งพรรคการเมืองที่ไม่มีส.ส. ในปัจจุบันก็สามารถรับเข้าสังกัดได้ แต่หากไม่สามารถหาพรรคได้ จะต้องพ้นสภาพการเป็นส.ส. และต้องมีการจัดการเลือกตั้งใหม่ โดยเรื่องการขับเป็นเรื่องภายในพรรค ที่ต้องชอบด้วยข้อกฎหมายและข้อบังคับพรรค
   
  สำหรับกรณีที่ นายศุภชัย ใจสมุทร นายทะเบียนพรรคภูมิใจไทย ไปยื่นกกต. ขอให้ยุบพรรคก้าวไกลจากกรณีที่ขับ 2 ส.ส. ต่างจากกรณีของ นายปดิพัทธ์ สันติภาดา ที่เหมือน 2 มาตรฐาน อาจเป็นการสมรู้ร่วมคิดและสมประโยชน์เพื่อตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้านนั้น นายแสวง กล่าวว่า ถือเป็นสิทธิ์ของผู้ที่ไปยื่นเรื่องกกต. ทั้งนี้การขับนายปดิพัทธ์จะผิดข้อบังคับพรรคก้าวไกลหรือไม่ อยู่ที่กฎหมายและข้อเท็จจริง ซึ่งต้องดู เพราะทุกพรรคต้องทำตามกฎหมาย และข้อบังคับพรรคถ้าชอบด้วยกฎหมาย ก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะความเห็นคนมีอยู่มากมาย ในเรื่องเดียวกัน ซึ่งต้องพิจารณาว่าเป็นอย่างไร สำหรับการขับนายปดิพัทธ์จะถือเป็นการสมคบคิดหรือไม่นั้น กกต.ยังไม่ได้พิจารณา แต่จะพิจารณาจากข้อเท็จจริงและ กฎหมายที่เกี่ยวข้องเท่านั้น
   
  นายซูการ์โน มะทา ส.ส.ยะลา และเลขาธิการพรรคประชาชาติ กล่าวถึงกรณีที่ 2 ส.ส.ก้าวไกล ทั้ง นายวุฒิพงศ์ ทองเหลา ส.ส.ปราจีน และนายไชยามพวาน มั่นเพียรจิตต์ ส.ส.กทม. ถูกขับออกจากพรรค และอยู่ระหว่างการหาพรรคเข้าสังกัด ว่า พรรคประชาชาติไม่มีแนวคิดตกปลาในบ่อเพื่อน และไม่ได้ทาบทามให้ 2 ส.ส.ดังกล่าวเข้าสังกัดพรรคแต่อย่างใด เพราะมูลเหตุ 2 ส.ส.ผิดวินัยร้ายแรง สังคมรับรู้ ดังนั้นตนคิดว่าไม่รับเข้าพรรคแน่นอน และในสภาชุดปัจจุบันพรรคมีส.ส. 9 คน ก็เพียงพอ
    
 เมื่อถามว่า 2 ส.ส.ถือว่าประวัติด่างพร้อยหรือไม่ นายซูการ์โน กล่าวว่า ตนไม่ขอพูดเช่นนั้น เพราะเป็นมติของพรรคก้าวไกล ส่วนจะมีความผิดตามกฎหมายหรือไม่นั้น ต้องเป็นกระบวนการของศาลรัฐธรรมนูญที่จะพิจารณาชี้มูลในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับจริยธรรมต่อไป แต่ส.ส. 2 คน ต้องหาพรรคสังกัดให้ได้ภายใน 30 วัน ตามที่กฎหมายกำหนด แต่ยืนยันว่าพรรคประชาชาติไม่ตกปลาในบ่อเพื่อนแน่นอน