หนังสือพิมพ์สยามรัฐ ขายข่าวขายความจริงให้ประชาชนคนไทยได้อ่านมาอย่างต่อเนื่องยาวนานที่สุดในประเทศไทยฉบับนี้ ประจำวันพุธที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ.2566 ฟังไม่ได้ศัพท์ อย่าจับเอาไปโพนทะนาก่อน ...*...
หนาวยังไม่มา แต่ ทั่วประเทศไทยยังมีฝน เพราะ อิทธิพลเอลนีโญ ทำให้ ห่วงโซ่ฤดูกาลไม่ตกต้องตามฤดู รับรู้มาจาก กรมอุตุนิยมวิทยา ว่า หนาวปีนี้มาช้า แม้จะผ่านสัปดาห์แรกของเดือนพฤศจิกายน ยังเป็นช่วงปลายฝนต้นหนาว ยังไม่ย่างก้าวเข้าสู่ฤดูหนาวอย่างเป็นทางการ และคาดว่า ปีนี้จะหนาวไม่นาน ...*...
แต่ที่เล่นเอา พรรคก้าวไกลหนาวไปทั้งพรรค เมื่อ นัดประชุมประจำสัปดาห์ ของ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ในวันพุธที่ 15 นี้ จะมีการพิจารณา 2 คำร้อง ที่ มีการฟ้องร้องพรรคก้าวไกล ใช้นโยบายหาเสียง ยกเลิก ม.112 และ ยังดำเนินการต่อเนื่อง เป็นการใช้สิทธิเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขหรือไม่? ...*...
กับอีกหนึ่งคำร้อง ที่ ฟ้องร้องนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หรือ เสี่ยทิม อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล ที่ ถือหุ้น ไอทีวี เท่ากับ ถือหุ้นสื่อ ซึ่งเข้าข่าย ต้องห้ามผู้สมัคร สส. ที่ ศาลรัฐธรรมนูญ มีคำสั่ง ให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ไปแล้วก่อนหน้านี้ ที่ ต้องลุ้นกันหนัก เพราะ โทษถึงขั้นตัดสิทธิเลือกตั้ง หรือเบาหน่อย ก็ยุบพรรค และ ตัดสิทธิทางการเมือง “เสี่ยทิม” กับ ลุ้นไพ่อีกใบ ถ้าโชคดีสุดๆคือ ยกคำร้องทั้งสองคดี ...*...
ไพ่ออกได้ทุกหน้า แต่ ที่ไปไกลกว่า คือ ข่าวในโลกโซเชียล ว่า การประชุมตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ในวันพุธที่ 15 นี้ เป็นการชี้ชะตาพรรคก้าวไกล และ สร้างกระแสยุบพรรคก้าวไกล และ ตัดสิทธิทางการเมืองเสี่ยทิม ประสา บารอน หาข่าว เป็นการฟังไม่ได้ศัพท์แล้วจับเอาไปกระเดียดมากกว่าครับ เพราะดูคำแถลงของศาลรัฐธรรมนูญแล้ว การประชุมในวันนั้น ยังไปไม่ไกลถึงขั้นเป็นวันชี้ชะตา ที่ ยังต้องใช้เวลาอีกสักระยะ น่าจะไม่น้อยกว่าหนึ่งเดือน ...*...
ตามไทม์ไลน์ เป็นไปได้ว่า จะเป็นแค่ดูเอกสาร ที่ ขอไปตามหน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้องกับคดี ว่า เพียงพอต่อการพิจารณาหรือไม่ เพื่อ กำหนดนัดวันไต่สวนต่อไป และ กำหนดให้ฝ่ายผู้ร้องและผู้ถูกร้องยื่นบัญชีพยาน ก่อนที่จะ ทำคำเบิกความพยานเสนอศาลรัฐธรรมนูญ แล้วจัดส่ง สลับคำเบิกความของคู่กรณีให้ไปอ่าน เพื่อ มีโอกาสเตรียมตัว เป็นการพิจารณาคดีในระบบไต่สวน ต่างกับระบบกล่าวหา ที่ โจทก์มีหน้าที่หาพยานหลักฐานมาลงโทษจำเลย ...*...
ยังวนอยู่ในอ่าง คือ นโยบายแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ให้กับ ประชาชนคนไทย 56 ล้านคน ไม่ยกเว้นคนจนคนรวย รวมแล้วใช้งบประมาณ 560,000 ล้านบาท ของ รัฐบาลเพื่อไทย ที่ นายเศรษฐา ทวีสิน มหาเศรษฐีค้าที่ดิน ที่ก้าวขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 จะใช้วันศุกร์ที่ 10 นี้ ชี้แจงให้ชัดเจน ประสา บารอน เขียนดักคอไว้ตรงนี้ บทสรุปยังไม่มี เพราะ ไม่ว่าจะใช้วิธีไหน ที่ จะใช้งบประมาณก้อนใหญ่ขนาดนี้ มันติดโน่นติดนี่ไปทุกประตู ...*...
ที่แน่ๆ ต้องเป็นเงินประมาณเท่านั้น ตามที่ กกต. ระบุว่า ถึงจะถือว่าเป็นนโยบาย ไม่เข้าข่ายสัญญาว่าจะให้ ไม่ใช่เงินซื้อเสียง จึง ไม่ผิดกฎหมายเลือกตั้ง แต่ วันนี้งบประมาณ ปี 66 – 67 ยังไม่มีการพิจารณา คำถามที่ตามมา จะหางบประมาณก้อนมหึมาขนาดนี้ได้ที่ไหน ที่นี่ บารอน ห่วงก็แต่ ท่านนายกฯเศรษฐา อย่าเผลอพลั้งปากไว พูดออกไปว่า จะใช้เงินกู้ จะกลายเป็นความผิดเต็มประตู เงินกู้ เท่ากับเงินนอกงบประมาณ ไม่ถือเป็นนโยบายพรรคนะขอรับ ความผิดถึงขั้นยุบพรรคเชียว ...*...
ทางออกประตูเดียว ตามความคิดของ นายพิชัย ชุณหวชิร ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี มีหลายอย่างต้องปรับเปลี่ยน ตั้งแต่ ลดขนาดประชาชน คนรับแจกลงมา เลื่อนระยะเวลาแจกไปเดือนกันยายนปีหน้า โดย ใช้งบประมาณปี 67- 68 และข้อสำคัญ ใช้แอปเป๋าตัง ที่สำคัญยิ่งกว่าคือ ความโปร่งใส และมีความเป็นไปได้ที่สุด ไม่หลุดขอบกติกากฎหมายทุกฉบับ ...*...
“บารอน” เป็นอีกหนึ่งเสียง ที่เถียงแทนคนไทยส่วนใหญ่ ไม่เห็นด้วยกับนโยบายขยายเวลาเปิดผับ จาก ตีสองไปถึงตีสี่ ของ “เสี่ยหนู” นายอนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีมหาดไทย แม้ จะเป็นเขตโซนนิ่ง 4 จังหวัดท่องเที่ยว กรุงเทพ ชลบุรี เชียงใหม่ ภูเก็ต รายได้ที่จะตามมา มองมุมไหน ก็ไม่คุ้มกับสารพัดปัญหาที่จะเกิดขึ้นตามมาอย่างแน่นอน อะไรไม่ว่า “เสี่ยหนู” ก็เคยเป็นหมอหนูมาก่อน คนทำงานอดหลับอดนอน หรือ นอนเช้าตื่นเย็น ประเด็นปัญหาสุขภาพจะตามมา ต้องเพิ่มงบประมาณรักษาพยาบาลฟรี เอานโยบายนี้กลับไปคิดให้ถ้วนถี่ คิดให้ดีๆ อีกครั้งครับ หมอหนู ครับ ...*...
ไม่เบี้ยว ไม่หนี แต่ ยังไม่จ่าย คือ หนี้สิน 23,000 ล้านบาท ของ กรุงเทพมหานคร ที่ ว่าจ้าง บีทีเอสติดตั้งระบบไฟฟ้าและเครื่องกล ของ ส่วนต่อขยายรถไฟฟ้าสายสีเขียว หมอชิต – คูคต กับ แบริ่ง – สมุทรปราการ แทนที่ ภาครัฐบาลจะเอื้อภาคเอกชน สนับสนุนการลงทุนภายในประเทศ กลับเป็นตัวถ่วงการลงทุนในประเทศเสียเอง ไม่รู้ว่า นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม. จะรู้สึกรู้สาบ้างหรือไม่? ...*...
อะไรไม่ว่า หนี้ยังไม่จ่าย แต่ กทม. กำหนด จัดเก็บค่าโดยสารคนละ 15 บาท ตลอดในส่วนต่อขยาย เริ่มกลางเดือนหน้า หลังจาก บีทีเอสให้บริการประชาชนนั่งฟรีมา 6 ปีเต็มๆ มีหนี้ไม่จ่าย รายได้จะเอา กทม. ยุค ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ นั่งเมือง
ที่มา:บารอน (8/11/66)