นายกฯ ยอมรับสั่งศึกษาขึ้นค่าแรงขั้นต่ำและเงินเดือนข้าราชการจริง ย้ำดูภาพรวมทั้งระบบ ขณะที่ผู้ใช้แรงงาน เฮ! พิพัฒน์ เตรียมปรับขึ้นค่าแรงเดือนธ.ค.นี้ มอบเป็นของขวัญปีใหม่ ปฏิเสธตอบเพิ่มขั้นต่ำเป็น 400 บาท เดี๋ยวหาโกหก ชี้เพิ่มเป็นเปอร์เซ็นต์อิงอัตราเงินเฟ้อ สั่ง 5 เสือแรงงานแต่ละจังหวัดส่งตัวเลขเข้าถกไตรภาคี
เมื่อวันที่ 6 พ.ย.66 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง กล่าวยอมรับว่า เอกสารการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำและเงินเดือนข้าราชการ เป็นข้อสั่งการให้ศึกษาความเป็นไปได้ในการพิจารณาเรื่องเงินเดือนข้าราชการ หลังจากกระทรวงแรงงานอยู่ระหว่างการพิจารณาค่าแรงขั้นต่ำ จึงเห็นว่าการยกระดับค่าแรงควรจะต้องดูทั้งระบบทุกภาคส่วน จึงได้มอบให้คณะทำงานศึกษาแล้วรายงานกลับมาภายในสิ้นเดือนนี้ว่ามีความเป็นไปได้อย่างไร
นายเศรษฐา กล่าวว่า หลังจากมีผลศึกษาความเป็นไปได้แล้วจะดำเนินการอย่างไรต่อไป ก็ต้องมาดูอีกที จึงได้บอกว่าต้องมีการศึกษาเรื่องนี้ ซึ่งสืบเนื่องตามที่เคยพูดไปแล้วว่าเงินเดือนของข้าราชการและค่าแรงขั้นต่ำไม่ได้ขึ้นมานานแล้ว ขณะที่ปัจจุบันค่าครองชีพสูงขึ้นไปมาก รัฐบาลเป็นห่วงประชาชนทุกภาคส่วน ทั้งค่าแรงขั้นต่ำและเงินเดือนข้าราชการ อย่างไรก็ตาม การปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำจะสอดรับกับนโยบายของรัฐบาล แต่จำนวนเงินหรือสัดส่วนกี่เปอร์เซ็นต์ที่จะปรับขึ้น ก็ต้องว่ากันไปแต่ละภาคส่วน ต้องฟังจากนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.แรงงาน อีกครั้ง
นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.แรงงาน กล่าวถึงความคืบหน้าการพิจารณาปรับค่าจ้างขั้นต่ำ ตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี ว่า จริงๆ เรื่องข้อสั่งการนี้ วันนี้ท่านปลัดกระทรวงแรงงานเองก็ยังไม่เห็นข้อสั่งการ แต่ที่สำคัญคือวันที่ 9 พ.ย.นี้ ทางปลัดกระทรวงแรงงานจะมีการประชุมทบทวนความเหมาะสมค่าจ้างขั้นต่ำในแต่ละจังหวัด โดยได้สั่ง 5 เสือแรงงานทุกจังหวัดเก็บข้อมูลส่งกลับมาให้ที่ประชุมคณะกรรมการค่าจ้าง ในวันที่ 17 พ.ย.นี้ ว่าแต่ละจังหวัดมีค่าแรงที่ต้องการเพิ่มในอัตราเท่าไหร่ จากเดิมอยู่ที่เท่าไร เพื่อนำสถิติทั้งหมดมารวมกันที่กระทรวงแรงงาน
หลังจากนั้นก็ต้องหารือภายใน ก่อนเรียกประชุมคณะกรรมการค่าจ้าง (ไตรภาคี) ว่าจะขึ้นกี่เปอร์เซ็นต์ โดยพิจารณาจากภาวะเงินเฟ้อ และอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ บวก และคำนวณเข้าด้วยกัน จะได้เป็นเปอร์เซ็นต์การปรับเพิ่มค่าจ้างขั้นต่ำปี 2567 ออกมา แล้วคูณกับค่าแรงขั้นต่ำเดิมของแต่ละจังหวัดก็จะจบ โดยคาดว่าภายในกลางเดือนธ.ค.น่าจะจบ เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่คนใช้แรงงาน
ที่ผมบอกว่าเปอร์เซ็นต์ เพราะไม่อยากจะบอกว่ากี่บาท เพราะฐานของค่าแรงขั้นต่ำในแต่ละจังหวัดไม่เท่ากัน แต่การที่บอกเป็นเปอร์เซ็นต์หมายความว่าเอาตัวเลขค่าแรงขั้นต่ำของแต่ละจังหวัดมาคูณด้วยตัวเลขเปอร์เซ็นต์เข้าไป ก็จะได้ค่าแรงขั้นต่ำในจังหวัดนั้นๆ จะมีความชัดเจนกว่าการจะบอกว่ากี่บาทๆ นั้น คงยาก อย่างเช่น ถ้าขึ้น 10 บาท ซึ่ง 10% ของจังหวัดที่มีค่าแรง 328 บาท ก็ถือว่าเป็นเปอร์เซ็นต์สูง แต่ถ้า 10 บาทของจังหวัดที่ได้ค่าจ้าง 354 บาท ก็ถือว่าเปอร์เซ็นต์น้อยกว่า นายพิพัฒน์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า ถ้าคำนวณจากเปอร์เซ็นต์ตามที่กล่าวมา คาดว่าแต่ละจังหวัดน่าจะถึง 400 บาท หรือไม่ นายพิพัฒน์ กล่าวว่า อันนี้ตอบไม่ไม่ได้ เพราะวันนี้ตนยังไม่รู้ เลยว่าเงินเฟ้อเท่าไหร่ เศรษฐกิจจะโตเท่าไหร่ ถ้าตอบในวันนี้ก็เท่ากับตนจะโกหกในอีกไม่กี่วันข้างหน้า เพราะฉะนั้น อย่าให้ตนต้องโกหกเลยดีกว่า รอให้ถึงเวลานั้น ให้ตนได้ตอบอย่างชัดเจน วันที่ทุกสิ่ง ทุกอย่างต้องผ่านการหารือในกระทรวงแรงงานให้จบ และหารือกับไตรภาคีให้ได้ข้อสรุปให้ได้เท่านั้นเอง
เมื่อถามว่า หนักใจหรือไม่ เนื่องจากต้องดูแลทั้งนายจ้าง ลูกจ้าง และภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน นายพิพัฒน์ กล่าวว่า คิดว่าถ้าเรากำหนดเป็นมาตรฐานที่เป็นจุดเริ่มต้นได้ อาจจะหนักใจในปีนี้ แต่จะผ่อนคลายในปีต่อๆ ไป เพราะฉะนั้นขอให้เราทำงานหนักในปีนี้ทีเดียวเลย เพราะพอเราได้ฐานความคิดในปีนี้แล้ว ปีต่อไปหรือ 10 ปี 20 ปี ก็จะมีฐานการคิดที่ชัดเจนว่าในละปีค่าแรงขั้นต่ำควรจะกำหนดจากอะไรบ้าง กี่ฐาน ดังนั้นปีนี้ต้องละเอียด จึงขออย่ากังวล เรากินเงินเดือนจากภาษีคนไทย จึงพร้อมทำงานให้คุ่มจากเงินเดือนที่ได้รับ