นายฉัตรชัย ศิริไล ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ความไม่สงบในประเทศอิสราเอล ทำให้คนไทยที่เดินทางไปประกอบอาชีพในประเทศอิสราเอลได้รับผลกระทบ ทั้งด้านการประกอบอาชีพและความปลอดภัยในชีวิต และจำเป็นต้องเดินทางกลับประเทศก่อนที่จะครบกำหนดสัญญาจ้าง ส่งผลต่อรายได้ การดำเนินชีวิตและการชำระหนี้สินที่เกิดขึ้นจากการกู้เงินไปทำงานที่ประเทศอิสราเอล โดยคณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบให้ ธ.ก.ส. ดำเนินโครงการสินเชื่อคืนถิ่นแรงงานไทย เพื่อช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่เกษตรกรลูกค้าที่ได้รับผลกระทบดังกล่าวให้มีเงินไปชำระหนี้ที่กู้ยืมในการไปทำงานที่ประเทศอิสราเอลและมีเงินลงทุนในการประกอบอาชีพใหม่ วงเงินรวม 1,000 ล้านบาท โดยมีเงื่อนไขดังนี้ ผู้เข้าร่วมโครงการต้องเป็นเกษตรกรหรือบุคคลในครัวเรือนเกษตรกรที่ไปทำงานที่ประเทศอิสราเอล อายุ 20 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป วงเงินกู้สูงสุดไม่เกิน 150,000 บาทต่อราย อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 3 ต่อปี โดยผู้กู้จ่ายดอกเบี้ยเพียงร้อยละ 1 ต่อปี และรัฐบาลชดเชยดอกเบี้ยแทนเกษตรกร ร้อยละ 2 ต่อปี กำหนดชำระคืนภายใน 20 ปี (เมื่อชำระคืนเสร็จสิ้นผู้กู้ต้องมีอายุไม่เกิน 60 ปี) ปลอดชำระเงินต้นสูงสุด 12 งวดแรก สำหรับผู้ที่ได้รับผลกระทบสามารถยื่นขอสินเชื่อได้ที่ ธ.ก.ส. ทุกสาขา ตั้งแต่บัดนี้จนถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2567 หรือจนกว่าวงเงินจะครบตามกำหนด ทั้งนี้ ณ วันที่ยื่นขอสินเชื่อต้องพำนักอาศัยอยู่ในประเทศไทย
นอกจากนี้ 1)ในกรณีลูกค้าเสียชีวิตหรือสูญหาย ธ.ก.ส. พร้อมช่วยเหลือด้วยการยกหนี้ที่กู้เพื่อไปทำงานที่ประเทศอิสราเอลให้ทั้งหมด และหนี้สินอื่น ๆ ที่มีสัญญาผูกพันจะได้รับการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ โดยลดอัตราดอกเบี้ยให้เหลือร้อยละ 2.5 ต่อปี และ 2) กรณีที่เดินทางกลับมาโดยปลอดภัย หรือมีบุคคลในครอบครัวเสียชีวิต ธ.ก.ส. จะปรับปรุงโครงสร้างหนี้ที่กู้เพื่อไปทำงานที่ประเทศอิสราเอล โดยลดอัตราดอกเบี้ยให้เหลือร้อยละ 0.01 ต่อปี เป็นเวลา 3 ปี และสำหรับหนี้สินอื่น ๆ ที่มีสัญญาผูกพันจะได้รับการปรับโครงสร้างหนี้ตามเงื่อนไขที่ธนาคารกำหนด นอกจากนี้ สำหรับลูกค้ามีต้นเงินกู้ทุกสัญญารวมกัน ไม่เกิน 300,000 บาท ณ 30 กันยายน 2566 สามารถแจ้งความประสงค์และตรวจสอบสิทธิ์ในการเข้าร่วมมาตรการพักชำระหนี้รายย่อยผ่านแอปพลิเคชัน BAAC Mobile ได้ตั้งแต่บัดนี้จนถึง 31 มกราคม 2567