ไทย ปฏิเสธ กัมพูชา เดินหน้าบังคับใช้กฎหมาย..ตั้งจุดตรวจจับ..แท็กซี่เขมรเถื่อน พรุ่งนี้วันแรก ทำพร้อมกับช่องสะงำ จ.ศรีสะเกษ  แม้ รอง ผวจ.อุดรมีชัย ขอผ่อนผันยืดระยะเวลาบังคับใช้กฏหมายถึงสิ้นสุดเทศกาลปีใหม่ 67 แต่จำเป็นต้องบังคับใช้กฎหมาย ภายใต้ความสัมพันธ์อันดี


วันนี้( 3 พ.ย.66 ) ที่ห้องประชุมหน่วยประสานงานชายแดนประจำพื้นที่ 2 จุดผ่านแดนถาวรช่องจอม ต.ด่าน อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ นายสันทัด  แสนทองรอง ผวจ.สุรินทร์พร้อมด้วยนายสุทธิโรจน์  เจริญธนะศักดิ์  นายอำเภอกาบเชิง,นายสหชาติ  คำพูน  ขนส่ง จ.สุรินทร์,จนท.กองกำลังสุรนารี,ตัวแทน จนท.จากด่านศุลกากรช่องจอม,จนท.ตรวจคนเข้าเมือง จ.สุรินทร์,ตำรวจ สภ.กาบเชิง,จนท.หน่วยประสานงานชายแดนประจำพื้นที่ 2 ,สมาคมมิตรภาพไทย-กัมพูชา รวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมประชุม แก้ไขปัญหาข้อร้องเรียนกรณีรถยนต์ส่วนบุคคลของประเทศกัมพูชา เข้ามารับจ้างขนส่งคนโดยสารในเขต จ.สุรินทร์ หลังที่มีผู้โพสต์คลิป ระบุว่า”รถแท็กซี่กัมพูชาข้ามแดนมารับจ้างฝั่งไทย” จนเป็นกระแสทางโลกโซเชี่ยล เมื่อปลายเดือนกันยายน 2566  โดยมีการเผยแพร่ข้อมูลผ่านสื่อสังคมออนไลน์  ซึ่งบรรดาผู้ประกอบการรถตู้โดยสารสายช่องจอม-สุรินทร์ ที่ทำถูกต้องตามกฎหมาย ร่วม 30 คัน ได้รับผลกระทบ ลูกค้าน้อยและลดลงมาเป็นปีๆ


โดยการประชุมดังกล่าวเป็นการประชุมครั้งที่ 2 ระหว่างสองประเทศ กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของกัมพูชา ประกอบด้วย นายฮุน  โซเพี๊ย รอง ผวจ.อุดรมีชัย,นาย อ.กรุงสำโรง,นายแอม ปัญญาริด ประธานช่องโอรเสม็ด อ.กรุงสำโรง จ.อุดรมีชัย รวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ ตม.ช่องโอรเสม็ด, ศุลกากรช่องโอรเสม็ด และหน่วยประสานงานชายแดนกัมพูชา-ไทย ร่วมประชุมพิจารณาหารือถึงแนวทางแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น อันอาจทำให้เกิดการกระทบกระทั่ง จนอาจเกิดความรุนแรงต่อประชาชนที่เดินทางของทั้งสองประเทศ จะส่งผลเสียต่อภาพลักษณ์ของ จ.สุรินทร์ กระทบต่อเศรษฐกิจและความสัมพันธ์อันดีของประเทศไทยกับกัมพูชา


ทั้งนี้หลังจากประชุมสองประเทศครั้งแรกเมื่อเมื่อวันที่ 27 ก.ย.66 ที่ผ่านมาเสร็จสิ้น  จากนั้น จ.สุรินทร์ ได้มีการประชุมหารือในระดับจังหวัดกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เนื่องจากยังพบชาวกัมพูชา ยังคงนำรถเก๋งแวนคันเดิมๆบรรทุกผู้โดยสารชาวกัมพูชา โดยสารเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง จำนวนหลายสิบคันต่อวัน แม้จะมีการประชาสัมพันธ์ขอความร่วมมือไปแล้วก็ตามว่าเป็นการกระทำผิดกฏหมายก็ตาม 


ซึ่งในวันพรุ่งนี้ (4 พ.ย.66) เป็นวันแรกที่ จ.สุรินทร์ โดยการนำของ สนง.ขนส่ง จ.สุรินทร์ ,อ.กาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ ,กองกำลังสุรนารี, ตม.สุรินทร์, ตำรวจ สภ.กาบเชิง, ตชด.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จะมีการตั้งด่านจุดตรวจร่วม เพื่อกวดขัน บังคับใช้กฎหมายกรณีรถรับจ้างจากฝั่งกัมพูชาออกมารับจ้างอยู่ในฝั่งประเทศไทย โดยผ่านด่านถาวรช่องจอมเข้ามา ทำให้มีผลกระทบต่อรถรับจ้างที่ถูกต้องของฝั่งประเทศไทย ที่ไม่มีรายได้ในการรับจ้าง ที่ปรากฏตามข่าวที่ลงในโซเชี่ยนนั้น ซึ่งจากการที่ได้ประชุมร่วมกันทั้ง 2 ประเทศ เมื่อวันที่ 27 ก.ย.66 ที่ผ่านมาได้ผ่อนผันอนุโลมถึงวันที่ 3 พ.ย.66 และจะมีมาตรการบังคับใช้ตามกฏหมายของประเทศไทย ต่อไป ทั้งนี้จะเริ่มตั้งด่านจุดตรวจร่วมในวันที่ 4 พ.ย.66 เวลา 7.00น. เป็นต้นไป จำนวน 3 จุดตรวจร่วม ประกอบด้วยจุดบริเวณถนนสาย 214 ช่องจอม - อ.ปราสาท บริเวณหน้า รพ.สต.ด่าน จุดตรวจถนน 214 ทางแยกไฟแดง ต.ด่าน -ไป อ.สังขะ บริเวณ หน้าที่ทำการ อบต.ด่าน  จุดบริเวณถนนช่องจอม- อ.บัวเชด บริเวณ จุดตรวจบ้านสนวน ต.ด่าน


โดยการประชุมในวันนี้ทาง จ.สุรินทร์ได้แจ้งถึงการบังคับใช้กฎหมายกับนายฮุน  โซเพี๊ย รอง ผวจ.อุดรมีชัย ให้รับทราบ ซึ่งทาง รอง ผวจ.อุดรมีชัย ก็ได้ขอผ่อนผันยืดระยะเวลาในการบังคับใช้กฏหมายออกไปจึงถึงพ้นเทศกาลปีใหม่ 2567 เหลือเวลาอีก 2 วัน เกรงจะมีผลกระทบต่อชาวกัมพูชาที่จะเข้ามาเที่ยวและซื้อสินค้า รวมทั้งรักษาพยาบาล  รวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของกัมพูชา ไม่ว่าจะเป็น ตม.ช่องโอรเสม็ด ก็ต่างให้เหตุผลเช่นเดียวกันในการขอผ่อนผันยืดระยะเวลาออกไปจนถึงหลังเทศกาลปีใหม่ 2567


อย่างไรก็ตาม ทั้ง รอง ผวจ.สุรินทร์ ,นาย อ.กาบเชิง และ ขนส่ง จ.สุรินทรื ต่างก็โต้แย้งให้เหตุผลถึงความจำเป็นที่ จ.สุรินทร์ต้องบังคับใช้กฏหมาย อย่างไรก็แล้วแต่ จะมีการบังคับใช้กฏหมายสถานเบา คือการตักเตือนก่อนเป็นลำดับแรก  ทำให้ รอง ผวจ.อุดรมีชัย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของกัมพูชา ต้องฝากให้ รอง ผวจ.สุรินทร์ รับข้อเสนอดังกล่าวไปเสนอต่อ ผวจ.สุรินทร์ ซึ่งทาง รอง ผวจ.สุรินทร์ ก็ได้รับเรื่องและจะทำการบังคับใช้กฎหมายควบคู่กันไปตามมติการพิจารณาของจังหวัด ภายใต้เหตุผลความสัมพันธ์อันดีของทั้ง 2 ประเทศเช่นเดิม ก่อนจะมีการเลิกประชุม ซึ่งการประชุมดังกล่าวใช้เวลาร่วม 3 ช.ม.สิ้นสุดในเวลา 17.30 น.ที่ผ่านมา
นายสันทัด  แสนทอง รอง ผวจ.สุรินทร์  กล่าวในที่ประชุมว่า  การที่ทางประเทศกัมพูชาที่อนุญาตให้รถขนส่งสินค้า พืชผลทางการเกษตร ของไทย เดินทางเข้าไปในราชอาณาจักรกัมพูชาโดยไม่ระบุระยะทาง ในทางกลับกันประเทศไทยเราก็อนุญาตให้รถขนส่งสินค้าของกัมพูชาเข้ามาทำธุรกิจ หรือขนส่งในประเทศไทย

หากทำตามระเบียบ กฎหมายต้องต้อง ก็ไม่มีข้อห้าม ส่วนเรื่องกรณ๊รถแท็กซี่นั้น ขอเรียนให้ทาง รอง ผวจ.อุดรมีชัยทราบว่า เราทราบเหตุผล และเข้าใจถึงปัญหารถแท็กซี่กัมพูชา และก็อยากให้เข้าใจเหตุผลของผู้ประกอบการรถขนส่งของทางประเทศไทยด้วยเช่นกัน ซึ่งเขาได้รับผลกระทบอย่างมาก เขานำรถโดยสารมารอรับคน ที่ด่านช่องจอม แต่ปรากฏว่าไม่มีคนมาขึ้น ก็ไปขึ้นรถรับจ้างคันอื่น ก็เป็นเหตุผบที่ว่าไม่ปฏิบัติตามกฎหมายที่ประเทศไทยได้กำหนดไว้ ก็ขอให้เข้าใจในเหตุผลความจำเป็นที่ประเทศไทยกำหนดไว้เช่นเดียวกัน  กรณีในเรื่องการอำนวยความสะดวกกับเรื่องต่างๆที่ไม่ขัดต่อระเบียบกฏหมาย ทาง จ.สุรินทร์ ก็ยินดีที่จะอำนวยความสะดวก และให้วคามอนุเคราะห์ต่อ จ.อุดรมีชัย ทุกกรณี แต่จากกรณีดังกล่าว กฏหมายของวทางประเทศไทย ได้กำหนดหลักเกณฑ์ที่ชัดเจน  ทาง ผวจ.สุรินทร์ ก็ได้เห็นชอบมาตรการบังคับใช้กฏหมายดังกล่าว รวมทั้งทำหนังสือนำเรียนให้ ผวจ.อุดรมีชัย ทราบในกรณีดังกล่าวด้วยแล้ว ซึ่งการที่ไม่ให้แท็กซี่เข้ามารับจ้างใน จ.สุรินทร์ นั้น ก็มีการบังคับใช้ที่ช่องสะงำ จ.ศรีสะเกษ ไปพร้อมกัน ในวันที่ 4 พ.ย.66 นี้ ยืนยันว่า จ.สุรินทร์ และ จ.อุดรมีชัย มีความสัมพันธ์อันดีมาโดยตลอด มีการแลกเปลี่ยนอันดี นายอำเภอ 4 อำเภอชายแดนไทย ก็มีความสัมพันธ์อันดี มีการพบปะอำเภอที่อยู่ตรงข้าม มีการทำกิจกรรมที่ดีร่วมกัน มีการแข่งขันกีฬา มีการทำกิจกรีรมต่างๆร่วมกัน เสมอมา แสดงถึงความจริงใจของรัฐบาลไทยที่จะส่งเสริมความสัมพันธ์อันดีระหว่างประเทศ ไทยกับกัมพูชา ให้มีความสัมพันธ์ในทุกมิติทุกระดับ

ซี่งทาง ผวจ.สุรินทร์ ,ผบ.กองกำลังสุรนารี  หน.ส่วนราชการต่างๆได้ประชุมและมีแนวทางพิจารณาแก้ไขปัญหา ดังกล่าว จึงได้นำข้อมูลข้อเท็จจริงมาเสนอให้กับทาง รอง ผวจ.อุดรมีชัย ทราบ เพื่อนำเสนอต่อ ผวจ.อุดรมีชัยและ หน.ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องทราบ ถึงแนวทางแก้ไขปัญหา  อย่างไรก็ตามจะรับข้อเสนอของทาง รอง ผวจ.อุดรมีชัย ไปนำเสนอต่อ ผวจ.สุรินทร์ และหน่วยงที่เกี่ยวข้องได้รับทราบ ว่าความต้องการของทาง จ.อุดรมีชัยต่อกรณ๊ที่เกิดขึ้นอย่างไร ซึ่งหลังจากประชุมสองประเทศเมื่อวันที่ 27 ก.ย.66 เราก็หาข้อมูล เพื่อดูความเป็นไปได้ที่จะแก้ปัญหา บนพื้นฐานของความเท่าเที่ยมกัน ความเสมอภาคและก็ความเป็นมิตร ที่ดีต่อกันเรื่อยมา ก็เป็นมาตรการที่ทาง จ.สุรินทร์ ได้พิจารณา เห็นสมควร อยากให้ทาง จ.อุดรมีชัย ได้เข้าใจ รับทราบเหตุผลที่ จ.สุรินทร์ พิจารณาดำเนินการในสเรื่องดังกล่าว

ทั้งนี้ทั้งนั้น อยู่บนพื้นฐานของความสัมพันธ์อันดี ที่มีต่อกันเสมอมา ซึ่งก็จะตักเตือน ดำเนินการในระดับเบาก่อน เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาหรือความขัดแย้ง ระหว่างผู้ประกบอการหรือผู้รับจ้างทั้งสองจังหวัดแต่อย่างใด อยากให้ประชาชนของสองประเทศทำมาค้าขายร่วมกัน อย่างมีความสุข ทุกอย่างเป็นไปตามกฎหมายของแต่ละประเทศ คำนึงถึงว่าเราให้เกียรติซึ่งกันและกัน ประเทศไทยเคารพระเบียบกฎหมายของกัมพูชา ในขณะเดียวกันกัมพูชาก็ให้เกียรติและเคารพกฏหมายของไทยเช่นเดียวกัน รอง ผวจ.สุรินทร์ กล่าว 


นายสหชาติ  คำพูน  ขนส่ง จ.สุรินทร์ กล่าวในที่ประชุมว่า รอง ผวจ.สุรินทร์ และ รอง ผวจ.อุดรมีชัย ตนขออนุญาตให้ข้อมูลเพิ่มเติม เรื่องการขออนุญาตรถเพื่อประกอบอาชีพรับจ้างในประเทศไทย เมื่อเขาได้รับอนุมัติให้มารับจ้าง ในเงื่อนไขการ ตรวจสภาพรถ คนขับมีใบขับขี่ถูกต้อง มีการทำประกันภัย ขนส่งก็มีหน้าที่ดูแล ตั้งแต่เขาประกอบอาชีพจนถึงปัจจุบัน เรียกว่าเป็นการสร้างมาตรฐาน โดยใช้กฎหมายไปบังคับเขาให้มีมาตรฐาน บริการที่ดี สม่ำเสมอตามที่กฎหมายไทยกำหนด จึงอยากให้ท่านพิจารณาและคำนึงถึง ประชาชน พี่น้องชาวกัมพูชา ที่จะมารับบริการรถที่ถูกกฎหมาย และมีมาตรฐานที่ดี เหมือนกับ เหมือนกับประเทศไทยที่ดูแลผู้โดยสารไทยเหมือนกัน ราคาถูกกว่า ย่อมเยาว์กว่า สภาพรถดีกว่า และมีกรมขนส่งกำกับดูแลไม่ให้เอาเปรียบผู้โดยสาร หากว่ามีการร้องเรียนเอาเปรียบผู้โดยสาร รับส่งไม่ถึงจุดหรือว่ากระทำใดๆที่เป็นการไม่ดูแลผู้โดยสาร เราก็จะลงโทษเหมือนกัน สามารถโทรศัพท์ร้องเรียนได้ที่หมายเลข 1584 เราเป็นหน่วยงานที่กำกับดูแลให้รถโดยสารมีมาตรฐาน เพื่อบริการพี่น้องชาวกัมพูชา และคนไทย ที่ข้ามแดนให้ได้รับบริการที่ดี จึงอยากให้ท่านคำนึงถึงประโยชน์ของพี่น้องชาวกัมพูชา ในการเดินทาง มากกว่าการประกอบอาชีพของรถแท็กซี่ที่ผิดกฎหมายและประเทศไทยไม่สามารถยอมรับได้ ขนส่งสุรินทร์ให้คำมั่นสัญญาว่า เราจะดูแลไม่ให้รถผิดมาตรฐานและเอาเปรียบผู้โดยสาร ประกอบกับ สนง.ขนส่ง จ.สุรินทร์ ก็มีหน้าที่รักษากฎหมาย ในเรื่องนี้

 

ถ้าหากว่าไม่ปฏิบัติ หรือละเลยละเว้น จนท.ของทางขนส่ง ก็มีความผิดตามกฎหมาย ขอให้ทางกัมพูชาเข้าใจเราด้วย ขนส่ง จ.สุรินทร์ กล่าว
ด้านนายสุทธิโรจน์  เจริญธนะศักดิ์ นาย อ.กาบเชิง กล่าวในที่ประชุมว่า ในส่วนของ จ.สุรินทร์ ก็อยากให้พี่น้องกัมพูชาเข้ามาเยอะๆอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นการรักษา การท่องเที่ยว การทำมาค้าขาย จะมีบางกรณีที่เกิดขึ้น เรื่องรถแท็กซี่ หรือรถผู้รับจ้าง ที่ผ่านมา  ก็มีการอนุโลมตลอด แต่ก็มีรถคันเดิมๆคนเดิมเข้ามาตลอด แต่ถ้ารถทั่วไปที่มาจากต่างจังหวัดก็ดี หรือมาเป็นคณะครอบครัว เครือญาติอะไรก็แล้วแต่ ก็ให้ผ่านเข้ามาได้ตลอด อำนวยความสะดวกให้ตลอด ไม่ได้มีปัญหาอะไร คนที่ขับรถเข้ามาเป็นประจำจะรู้ว่าตัวเองเป็นรถรับจ้าง

 

ส่วนพี่น้องฝั่งไทยผู้ที่ประกอบอาชีพโดยตรง เป็นผู้ประกอบการตามกฎหมาย ได้รับผลกระทบ จึงเกิดมีการร้องเรียน ว่าทำไมปล่อยให้มีคนกัมพูชารับจ้างนำรถเข้ามา ถ้าผู้รับจ้างมีความสำนึกสักหน่อย ว่าถ้ามีคนเข้ามาประเทศไทย ก็ให้รถรับจ้างในประเทศไทยรับเข้าไป ก็คงไม่เกิดปัญหา ทุกวันนี้มีการรับอาสาไปทุกที่และก็เป็นประจำนั้น ก็คือผู้รับจ้างที่เราได้มีมาตรการบังคับใช้ตามกฎหมาย มไม่อย่างนั้นคงไม่เกิดกรณีที่เราต้องมานั่งคุยกัน ซึ่งก็ควรที่จะแนะนำให้ชาวกัมพูชามาขึ้นรถโดยสารที่ฝั่งไทย   หน้าด่านก็ควรที่จะให้เป็นรถรับจ้างของฝั่งไทยส่งไปต่อ เราจะอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข และก็จะไม่เกิดปัญหากรณี การประท้วงหรือร้องเรียน  เช่นที่ผ่านมา

 

ซึ่งเราจะมีการกวดขันบังคับใช้กฎหมาย ระยะแรก ก็อาจจะมีปัญหาในเรื่องของรายได้  ก็คงต้องปรับตัว อาจจะไปรับจ้างในพื้นที่ของตัวเองก่อน น่าจะเหมาะสม เพราะไม่เช่นนั้นเราก็ต้องบังคับใช้กฏหมายตลอด ก็จะทำให้ความสัมพันธ์ที่ดีอยู่แล้วเกิดภาพที่ไม่ดี ก็จะทำให้สองจังหวัดสองประเทศมีความไม่เข้าใจกัน ทางฝั่งกัมพูชาก็แนะนำคนกัมพูชาให้มาขึ้นรถฝั่งนี้ หรือฝั่งไทยก็แนะนำให้คนไทยไปขึ้นรถฝั่งกัมพูชา ความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ส่วนการบังคับใช้กฎหมายพรุ่งนี้วันแรก ก็จะเป็นการตักเตือน ระดับเบาก่อน นาย อ.กาบเชิง กล่าว