-ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์ระบุสงครามอิสราเอล-ฮามาสไม่กระทบส่งออกไทย เผย 10 พ.ย.ประชุมร่วมภาคเอกชน ประเมินส่งออกปี 67 ขณะที่ปลัดพาณิชย์มั่นใจทั้งปี 66 ส่งออกติดลบไม่เกิน 2%
-รมว.พาณิชย์มอบนโยบายทูตพาณิชย์-พาณิชย์จังหวัด ก่อนร่วมประชุมทีมไทยแลนด์ 21-23 พ.ย.
-กรมธุรกิจพลังงาน คาดใช้น้ำมันเชื้อเพลิงปี 66 โตได้ 1% โดยไตรมาส 4 เติบโตจากปัจจัยไฮซีซั่น ภาคท่องเที่ยว ผนวกนโยบายฟรีวีซ่า ระบุสงครามอิสราเอลยังไม่กระทบการนำเข้าน้ำมันของไทย รับหากขยายตัวอาจดันราคาน้ำมันพุ่งแตะ 130 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
-กรมการค้าภายในลงพื้นที่ติดตามสต๊อกน้ำตาลทราย ย้ำมีเพียงพอ ลั่นขายเกินราคาเจอคุกปรับอ่วม
-ผล FTI Poll เอกชนกังวลงบฯ 67 ล่าช้ากระทบมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ แนะรัฐใช้งบฯพัฒนาเทคโนโลยีแบบมุ่งเป้า เร่งลงทุนน้ำทั้งระบบ
-กรมการจัดหางานเปิดช่องทางแจ้งให้-รับสิทธิคนพิการ ม.35 ปี 67 ผ่านระบบ e-Service ตั้งแต่วันนี้-31 ธ.ค.66 ตลอด 24 ชม.
-ตลท.ชี้แจงกรณีปรากฏข่าว "ตลาดหลักทรัพย์ฯ ร่อนหนังสือถึงโบรกเกอร์ขอความร่วมมือหุ้นไอพีโอเทรดวันแรก ใช้บัญชีแคชบาลานซ์ (วางเงินสดก่อนซื้อขาย) เพิ่มเติมเกณฑ์การตั้งราคาเปิดห้ามเกิน 30% ของราคาไอพีโอ" ไม่เป็นความจริง
-ก.ล.ต. เปิดรับฟังความเห็นการปรับปรุงหลักเกณฑ์การบริหารกิจการของผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล
- เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้อยู่ที่ 35.71 บาท/ดอลลาร์ จากเปิดตลาดเมื่อเช้าอยู่ที่ระดับ 35.93 บาท/ดอลลาร์ โดยระหว่างวันเงินบาทเคลื่อนไหวในกรอบ 35.70 - 35.98 บาท/ดอลลาร์ เงินบาทเป็นไปตามแรงซื้อแรงขายทั่วไป และสกุลเงินดอลลาร์อ่อนค่าลง หลังจากที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ไม่ได้ขึ้นอัตราดอกเบี้ย และไม่ได้แสดงออกอย่างแข็งกร้าวว่าจะขึ้นดอกเบี้ยในรอบต่อไป คืนนี้ตลาดรอจับตาตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรกรเดือนต.ค. ของสหรัฐฯ ถ้าตัวเลขออกมาสูง เงินบาทอาจอ่อนค่า แต่คาดว่ามากสุดไม่เกิน 36.20 บาท/ดอลลาร์ ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันจันทร์ไว้ที่ 35.70 - 36.00 บาท/ดอลลาร์
-สมาคมค้าทองคำรายงานราคาทอง(ทองคำ 96.5%) ในประเทศเปิดตลาดเมื่อเวลา 09.27 น. ราคาลง 100 บาท โดยทองคำแท่งในประเทศรับซื้ออยู่ที่บาทละ 33,650 บาท ขายออก 33,750 บาท ขณะที่ทองรูปพรรณรับซื้ออยู่ที่บาทละ 33,048.80 บาท ขายออก 34,250 บาท ส่วนราคาทองคำโลก (Gold Spot) อยู่ที่ระดับ 1,986.00 เหรียญสหรัฐ/ออนซ์
-SET ปิดวันนี้(3 พ.ย.)ที่ 1,419.76 จุด เพิ่มขึ้น 15.77 จุด (+1.12%) มูลค่าซื้อขาย 45,779.45 ล้านบาท ตลาดหุ้นไทยวันนี้ยังเป็น Sentiment เชิงบวกต่อเนื่อง หลัง FOMC มีมติคงอัตราดอกเบี้ย และส่งสัญญาณ Dovish พอสมควร สอดคล้องบอนด์ยีลด์ปรับตัวลดลง รวมทั้ง Dollar Index อ่อนค่าลงมา ซึ่งเป็นการเปิด earning yield gap ให้กว้างขึ้น ส่งผลให้สินทรัพย์เสี่ยงมีความน่าสนใจในการลงทุน และมองว่า SET มีโอกาสปรับฐานขึ้นอยู่บริเวณ P/E 15 หรือ 16 เท่า ขณะที่ระยะสั้นมองว่าหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้าได้ประโยชน์มากที่สุด แนะนำหุ้น BCPG, BPP และ EGCO แนวโน้มสัปดาห์หน้าคาดปรับตัวขึ้นต่อ คืนนี้ติดตามทางการสหรัฐจะรายงานตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือน ต.ค. รวมทั้งในช่วงกลางสัปดาห์จะมีการรายงานตัวเลขเงินเฟ้อและตัวเลขดุลการค้าของจีน ซึ่งหากตัวเลขออกมาดีตามคาด คาดว่าจะหนุนให้ SET กลับไปยืนเหนือ 1,440 จุดได้ พร้อมให้แนวรับไว้ที่ 1,415 จุดและแนวต้าน 1,460 จุด